โชคดีไม่มี VAR! แมคไกวร์โขกนาทีบาป ผีแซงหืด 2-1 ลิ่วเอฟเอ


ปิศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รอดตัวไปแบบเฉียดฉิวเมื่อไล่แซง จิ้งจอก เลสเตอร์ ซิตี้ เข้าป้ายสำเร็จ 2-1 ในเกมที่พวกเขาตกเป็นรอง 0-1 นาที 42 ก่อนอเลฮานโดร การ์นาโช่ และโยชัว เซิร์กซี เปลี่ยนตัวลงมาเปลี่ยนเกมซัดตีเสมอ 1-1 นาที 68 และได้ แฮร์รี่ แมคไกวร์ ที่เหมือนจะล้ำหน้าโขกประตูชัยนาที 90+3 ส่งทีมเข้ารอบ 4 เอฟเอ คัพ ไปแบบหืดจับ

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
Starting Formation: 3-4-3

24.

อองเดร โอนาน่า

5.

แฮร์รี่ แมคไกวร์

15.

เลนี่ โยโร่

3.

นสแซร์ มาซราวี

8.

บรูโน่ แฟร์นานเดส

25.

มานูเอล อูการ์เต้

13.

แพทริก ดอร์กู

46′

20.

ดิโอโก้ ดาโลท์

9.

ราสมุส ฮอยลุนด์

37.

คอบบี้ เมนู

64′

16.

อาหมัด ดิยาลโล่

ตัวสำรอง

2.

วิคตอร์ ลินเดเลิฟ

48.

ฮูเบิร์ต กราซีค

4.

มัตไธจ์ส เดอ ลิกท์

14.

คริสเตียน อีริคเซ่น

18.

คาเซมิโร่

26.

อายเด้น เฮฟเว่น

17.

อเลฮานโดร การ์นาโช่

46′

11.

โยชัว เซิร์กซี

64′

43.

โทบี้ คอลลิเยอร์

ผู้จัดการทีม

รูเบน อโมริม

เอฟเอ คัพ รอบ 4

สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด
วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568
กรรมการ ไมเคิล ซาลิสบิวรี่

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
2
1
เลสเตอร์ ซิตี้

1-1 เซิร์กซี 68’2-0 แมคไกวร์ 90+3′
0-1 เด คอร์โดบา-รีด 42′

แพทริก ดอร์กู แข้งใหม่ค่าตัว 30 ล้านปอนด์ ประเดิมสนามเล่นนัดแรกให้ยูไนเต็ดทันที ในเกมรับไม่มี ลิซานโดร มาร์ติเนซ ที่เจ็บยาว

ราสมุส ฮอยลุนด์ กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง หลัง รูเบน อโมริม ทดลองใช้คอบบี้ เมนู ยืนเป็นศูนยืหน้านัดที่แพ้คริสตัล พาเลซ 2-0 ด้าน อเลฮานโดร การ์นาโช่ มีชื่อเป็นตัวสำรองเท่านั้น

เลสเตอร์ ซิตี้ เปลี่ยนทีม 4 ตำแหน่งจากเกมที่แพ้เอฟเวอร์ตัน 4-0 ยานนิค เวสเตอร์การ์ด, วิคเตอร์ คริสเตียนเซ่น, แฮร์รี่ วิงค์ส และ เจมี่ วาร์ดี้ ถูกถอดออกจากทีม โดยมี เคเลบ โอโคลี่, ลุค โธมัส, วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้ และ แพตสัน ดาก้า ลงสนามแทน

เจเรมี่ ม็องก้า ดาวรุ่งวัย 15 ปี มีชื่ออยู่บนม้านั่งสำรอง

6′

โอนาน่าได้ออกแรงเซฟแต่หัววัน
เกมช่วงแรกยังสูสี ยูไนเต็ดไม่ได้ดีกว่า จังหวะนี้เลสเตอร์ได้ลุ้นก่อน แต่ลูกยิงอันตรายไม่มากพอเอาชนะโอนาน่า

15′

เกมหนักที่กลางสนาม
ผ่าน 15 นาทีเกมหนักกลางสนาม โอกาสลุ้นประตูไม่มีให้เห็น รูปเกมยังใกล้เคียงกันมาก

30′

เกมดำเนินไปเรื่อยๆ โอกาสยังน้อย
ผ่านครึ่งชั่วโมงรูปเกมก็ยังใกล้เคียง ยูไนเต็ดดูดีกว่าหน่อยๆ แต่โอกาสลุ้นประตูของทั้งคู่ยังถือว่าน้อยอยู่

40′

แทบหลับเกมไม่มีลุ้นอะไรเลย
เกมนี้ไม่มีลุ้นอะไรเลย ยูไนเต็ดได้แค่ถ่ายบอลไปมา เลสเตอร์เองเกมรุกก็ยังไร้พิษสงอยู่

42′

ปลดล็อคความง่วง จิ้งจอกขึ้นนำ 1-0
เลสเตอร์ปลดล็อคความง่วง พลิกได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่อูการ์เต้เสียบอลหน้าบ้าน โดนเอล คานนุส พาบอลไปคัทแบ็กจ่ายให้เอ็นดิดี้ ซัดกลางประตูติดเซฟขาโอนาน่า แต่โชคร้ายลูกมันดันกระดอนมาโดนหัวเด คอร์โดบา-รีด เข้าประตูไป

HALF TIME

46′

ผีถอดดอร์กูส่งการ์นาโช่ทำเกมรุก
อโมริมไม่รอช้าแก้เกมทันที ครึ่งหลังส่งการ์นาโข่ลงมาสร้างความแตกต่างในเกมรุกแทนดอร์กู

โดยใช้อาหมัดเล่นเป็นวิงแบ็กขวาแทน

55′

เกมรุกยังกดดันไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอัน
สถานการณ์ผีไม่ดีละ เล่นครึ่งหลังไปได้ 10 นาทีเกมรุกกดดันไม่ได้อย่างที่ควรแถมยังเจอเลสเตอร์ใช้เกมเพรสซิ่งบีบเกมตลอดเวลาจนทำให้เล่นลำบาก

64′

ผีเปลี่ยนเซิร์กซีเพิ่มอีกตัว
สถานการณ์ไม่ดีขึ้น อโมริมเปลี่ยนตัวอีก 1 ส่งเซิร์กซีลงมาเล่นแทนเมนู

65′

โอโคลี่เซฟบนเส้น เลสเตอร์รอดหวุดหวิด
เลสเตอร์รอดเหลือเชื่อจากโอกาสของการ์นาโช่ยิงไปติดบล็อคฟาส บอลกระดอนย้อยผ่านมาเฮอร์มันเซ่นกำลังจะเข้าประตูอยู่แล้วแต่โอโคลี่ ตามมาสกัดบนเส้นชนคานรอดเสียประตูหวุดหวิด

68′

เอาจนได้ เซิร์กซีซ้ำดาบสองตีเสมอ 1-1
ยูไนเต็ดตามตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จจากการ์นาโช่กระชากสุดเส้นหลังเปิดมาให้ฮอยลุนด์ยิงจังหวะแรกติดบล็อกลูกกระดอนมาเข้าทางปืนเซิร์กซีซ้ำจอๆเข้าประตูไป

75′

ผีได้ใจบุกต่อจะเอาประตูชัย
เข้าช่วง 15 นาทีสุดท้าย โมเมนตั้มมาอยู่ฝั่งยูไนเต็ดเต็มตัวแล้ว เจ้าถิ่นเดินหน้าบุกต่อเนื่องจะเอาประตูชัยให้ได้

79′

การ์นาโช่ทำดีแต่จบสกอร์ไม่ดี
การ์นาโช่หลุดเดี่ยวทางซ้าย พยายามจะยิงเองแต่หักข้อเท้ามากไป บอลหลุดออกหลังไม่ได้ลุ้นเลย

90+3′

แมคไกวร์ฮีโร่โขกประตูแซง 2-1
เกมทำท่าจะต่อเวลาอยู่แล้ว แต่ยูไนเต็ดมาได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งจากแมคไกวร์ โถมเข้ามาโหม่งฟรีคิกที่เสาไกล 2-1

ซึ่งจากภาพช้าจะเห็นว่าแมคไกวร์อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า แต่เกมนี้ไม่มี VAR ยูไนเต็ดจึงได้ประโยชน์ไปเต็มๆ

จบเกมยูไนเต็ดพลิกกลับมาแซงชนะได้ 2-1

เลสเตอร์ ซิตี้
Starting Formation: 4-2-3-1

30.

แมดส์ เฮอร์มันเซ่น

5.

เคเลบ โอโคลี่

3.

เวาท์ ฟาส

33.

ลุค โธมัส

58′

2.

เจมส์ จัสติน

11.

ไบลัล เอล คานนุส

24.

บูบาคารี่ ซูมาเร่

6.

วิลเฟรด เอ็นดิดี้

58′

20.

แพตสัน ดาก้า

14.

บ็อบบี้ เด คอร์โดบา-รีด

73′

18.

จอร์แดน อายิว

ตัวสำรอง

10.

สเตฟี่ มาวิดิดี้

4.

คอเนอร์ โคดี้

35.

เคซี่ แมคเคเทียร์

73′

93.

เจเรมี่ ม็องก้า

8.

แฮร์รี่ วิงค์ส

58′

22.

โอลิเวอร์ สคิปป์

40.

ฟาคุนโด้ บัวนานอตเต้

41.

ยาคุบ สโตลาร์ซีค

25.

โวโย คูลิบาลี่

58′

ผู้จัดการทีม

รุด ฟาน นิสเตลรอย