แอนจ์ชาลเลนจ์ ‘ไก่ทำลายวงจรล้มเหลว’ จารึกปวศ.
แอนจ์ ปอสเตโคกลู ผู้จัดการทีมทอตแน่ม ฮอตสเปอร์ ออกมาท้าทายลูกทีมของเขา ไม่ใช่แค่การคว้าแชมป์ยูโรป้าลีกเพื่อกู้ฤดูกาลเท่านั้น แต่ยังเป็นการ “ทำลายวงจรแห่งความล้มเหลว” และสร้างความทรงจำที่คู่ควรกับการถูกจารึกบนผนังของสโมสรแห่งนี้
“นั่นแหละคืออุปสรรคที่สโมสรนี้ต้องเอาชนะให้ได้ เพราะมันจะอยู่ตรงนั้นเสมอ” กุนซือชาวออสเตรเลียกล่าวถึงเกมนัดชิงกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่บิลเบาในสัปดาห์หน้า
“จนกว่าคุณจะทำมันได้จริง ๆ ผู้คนก็มีสิทธิ์พูดว่า ‘คุณก็แค่ทีมที่มักพลาดในเกมใหญ่’ ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องทำคือทำลายวงจรนั้นให้ได้”
“มันต้องมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าการปิดปากคนอื่น ผมคิดว่ามันควรเป็นเรื่องของ “คุณจะสร้างอิทธิพลอะไรไว้ได้บ้าง” ผมบอกกับนักเตะเสมอว่าเมื่อถึงวันหนึ่งในช่วงท้ายอาชีพ พวกเขาควรมองย้อนกลับไปยังสโมสรที่เคยรับใช้ และภูมิใจว่าตนได้สร้างอะไรบางอย่างไว้ที่นั่น”
“รูปภาพที่ผมเห็นบนผนังสนามล้วนเป็นของบิล นิโคลสัน กับทีมชุดแชมป์ปี 1984 หลายภาพยังเป็นภาพขาวดำเลยด้วยซ้ำ เราจะสามารถพาทีมชุดนี้ขึ้นไปอยู่บนนั้นได้หรือเปล่า?”
บิล นิโคลสัน คือผู้จัดการทีมที่พาสเปอร์สคว้าดับเบิ้ลแชมป์ในปี 1961 และพวกเขาไม่เคยเป็นแชมป์ลีกอีกเลยตั้งแต่นั้นมา ขณะที่ถ้วยยุโรปครั้งสุดท้ายต้องย้อนกลับไปถึงปี 1984 ที่คีธ เบอร์กินชอว์ พาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่าคัพ
สเปอร์ส ได้แชมป์ลีกคัพเพียงแค่ 2 หนในรอบ 34 ปี และไม่เคยคว้าแชมป์ใด ๆ อีกเลยนับตั้งแต่ปี 2008
“มันไม่ใช่เพราะทีมนี้ขาดนักเตะหรือผู้จัดการทีมที่เก่งหรอก” แอนจ์ เสริม
“ผมรู้เรื่องนี้ดีตั้งแต่รับงาน ผมรู้ว่ามันจะเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ แต่เราก็พาตัวเองมาอยู่ในจุดที่มีโอกาสแล้ว และสิ่งสำคัญคือเราต้องคว้าโอกาสนั้นให้ได้”
หากทำได้ แอนจ์ จะยังคงสถิติคว้าแชมป์ในฤดูกาลที่สองของเขากับทุกสโมสรที่เคยคุมไว้ได้อย่างต่อเนื่อง
“สำหรับผมโดยส่วนตัว แน่นอนว่ามันก็คือถ้วยแชมป์อีกใบไว้ให้นั่งนึกถึงตอนแก่”
“แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือมันหมายถึงอะไรสำหรับสโมสร ผมเคยพูดเสมอว่าความสำคัญของความสำเร็จอยู่ที่มันส่งผลกับผู้คนรอบตัวอย่างไร”
“ความสำเร็จของผมในอดีตล้วนมีความหมายสำคัญทั้งสิ้น ที่โยโกฮาม่า พวกเขาไม่ได้แชมป์มา 14 ปี, ทีมชาติออสเตรเลียไม่เคยได้แชมป์ทวีปมาก่อน, บริสเบนก็ไม่เคยชนะ, เซาท์เมลเบิร์น ซึ่งเป็นงานแรกของผม – ก็ไม่ชนะมา 7 ปี”
“กับเซลติก แม้จะห่างแค่ปีเดียวแต่ที่สกอตแลนด์ นั่นถือว่าเป็นเวลานานมาก พวกเขาต้องแย่งชิงความยิ่งใหญ่กลับมา ดังนั้นความสำเร็จแต่ละครั้งล้วนมีความหมาย เพราะคุณรู้ว่ามันเปลี่ยนแปลงอะไรในสโมสรและในหัวใจของแฟน ๆ ได้บ้าง”
“เมื่อคุณมองย้อนดูประวัติศาสตร์ของสโมสรนี้ในช่วง 20 กว่าปีที่ผ่านมา ผมรู้สึกว่านี่อาจเป็นจุดเปลี่ยน ทั้งในแง่ภาพลักษณ์ที่สโมสรแสดงออกต่อโลกภายนอก และที่สำคัญที่สุดคือวิธีที่สโมสรมองตัวเอง”
“จนกว่าคุณจะคว้าแชมป์ได้ ไม่ว่าอย่างอื่นคุณจะทำสำเร็จแค่ไหน ผู้คนก็จะยังพูดว่า “คุณก็ยังไม่ชนะอะไรเลย” และในวงการฟุตบอล รวมถึงชีวิตโดยทั่วไป นั่นคือสิ่งที่ผู้คนใช้ตัดสินว่าเราอยู่ตรงไหน”
13 พฤษภาคม 2568 01:05:09 โดย
sw88.admin
2 ยอดผู้ชม