แอตฯ มาดริด vs บาร์เซโลน่า : บิ๊กแมตช์ชิง 3 แต้ม คั่วแชมป์ลาลีกาโค้งสุดท้าย
#SSxLaLiga | แอตเลติโก้ มาดริด และ บาร์เซโลน่า 2 ทีมยักษ์ใหญ่ของวงการฟุตบอลแดนกระทิงดุ กำลังจะเผชิญหน้ากันเอง ภายใต้สถานการณ์การลุ้นแชมป์ที่กำลังดุเดือดสุดๆ ในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล
ศึกฟุตบอลลาลีกา สเปน เกมซูเปอร์บิ๊กแมตช์ประจำสัปดาห์นี้ ระหว่าง แอตเลติโก้ มาดริด พบกับ บาร์เซโลน่า แข่งขันที่สนามริยาดห์ แอร์ เมโทรโปลิตาโน่ ในคืนวันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคมนี้ เวลา 03.00 น.
นับตั้งแต่ฟุตบอลลีกสูงสุดของสเปนก่อตั้งในปี 1929 สองทีมชั้นนำของแดนกระทิงดุ ได้เผชิญหน้ากันมาแล้ว 175 ครั้ง บาร์เซโลน่ามีผลงานที่ดีกว่า ชนะ 80 ครั้ง แอตเลติโก้ มาดริด ชนะ 53 ครั้ง และเสมอกัน 42 ครั้ง
ทั้ง 2 ทีม เพิ่งผ่านศึกหนักในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อกลางสัปดาห์ แต่ในเกมสำคัญช่วงสุดสัปดาห์นี้ บาร์ซ่าหวังบุกไปชนะถึงบ้านตราหมีเป็นเกมที่ 3 ติดต่อกัน หลังจาก 2 เกมล่าสุดคว้าชัยด้วยสกอร์ 1 – 0 และ 3 – 0
อย่างไรก็ตาม การพบกันในลีกเกมแรกของซีซั่นนี้ เมื่อเดือนธันวาคม ปีที่แล้ว แอตฯ มาดริด บุกไปชนะถึงถิ่นเอสตาดี้ โอลิมปิก เด มอนจูอิก 2 – 1 ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ กุนซือตราหมี ล้างอาถรรพ์เก็บชัยเหนือบาร์ซ่านอกบ้านหนแรกในรอบ 18 ปี
สำหรับสถานการณ์ล่าสุด ก่อนที่ 2 ทีมใหญ่จะปะทะกันในแมตช์ช้างชนช้างครั้งนี้ บาร์ซ่า มี 57 คะแนน แถมมีเกมตกค้างกับโอซาซูน่าอยู่ในมือ 1 เกม ขณะปที่แอตฯ มาดริด มี 56 คะแนน จากการลงสนาม 27 เกม
ฟลิค หวังเอาชนะ ซิเมโอเน่ เป็นครั้งแรกในฤดูกาลนี้
ในฤดูกาลนี้ ทีมของดิเอโก้ ซิเมโอเน่ ทำผลงานได้ดีในการเจอกับอาซุลกราน่า โดยการพบกันในเกมลีก ตราหมีบุกชนะ 2 – 1 และเสมอกันแบบสุดมันส์ 4 – 4 ในโกปา เดล เรย์ รอบรองชนะเลิศ เลกแรก ซึ่งทั้ง 2 เกม เตะที่มอนจูอิก
นอกจากนี้ การเผชิญหน้ากันของทั้งสองทีมยังไม่จบเพียงแค่นั้น เพราะยังมีเกมโกปา เดล เรย์ เตะรอบรองชนะเลิศ เลกสอง ในคืนวันพุธที่ 2 เมษายนนี้ เวลา 03.00 น. ที่สนาม ริยาดห์ แอร์ เมโทรโปลิตาโน่ เช่นกัน
ทีมของดิเอโก้ ซิเมโอเน่ เป็นทีมเดียวที่ยังไร้พ่ายเกมเหย้าตลอด 14 เกม ในลาลีกา ฤดูกาลนี้ เก็บได้ถึง 34 คะแนน จากการชนะ 10 เสมอ 4 เท่ากับเรอัล มาดริด ที่ลงเล่นในบ้านไปแล้ว 13 เกม มีสถิติชนะ 11 เสมอ 1 แพ้ 1
ขณะเดียวกัน ทีมของฮันซี่ ฟลิค ก็เป็นทีมที่ทำผลงานเวลาออกไปเยือนดีที่สุดในลีก ซีซั่นนี้ 14 เกมที่ได้เล่นนอกบ้าน เก็บได้ 30 คะแนน จากสถิติชนะ 9 เสมอ 3 แพ้ 2 และยิงไปแล้ว 38 ประตู มากกว่าการเล่นในบ้านอยู่ 5 ประตู
เมื่อดูสถิติในการเผชิญหน้ากับ บาร์เซโลนา 38 นัด รวมทุกรายการ ซิเมโอเน่ชนะ 6 นัด เสมอ 12 นัด และแพ้ 20 นัด แต่หากพิจารณาเฉพาะเกมในลาลีกา สถิติก็ย่ำแย่ลงไปอีก โดยเขาชนะเพียง 3 นัด เสมอ 7 นัด และแพ้ 16 นัด
นอกจากนี้ โลส โกลโชเนโรส ไม่เคยเก็บได้ 6 แต้มเต็ม จากการดวลอาซุลกราน่าในลีกทั้ง 2 เกม ในฤดูกาลเดียวกันนานถึง 19 ปี โดยหนล่าสุดที่ทำได้ ต้องย้อนกลับไปในซีซั่น 2005/06 ชนะในบ้าน 2 – 1 และย้ำชัยอีกครั้งในเกมเยือน 3 – 1
อย่างไรก็ตาม ชัยชนะบางเกมที่สำคัญที่สุดของ ซิเมโอเน่ ก็เกิดขึ้นในการพบกับ บาร์เซโลนา เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ชัยชนะในรอบน็อกเอาต์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ถึง 2 ครั้ง หรือการคว้าแชมป์ลาลีกาในวันสุดท้ายของฤดูกาล 2013/14 ที่ทำให้ แอตเลติโก มาดริด ครองบัลลังก์แชมป์ได้อย่างยิ่งใหญ่
เกมรับเสียน้อยสุด ปะทะ เกมรุกยิงเยอะสุด
แอตเลติโก้ มาดริด เป็นทีมที่มีเกมรับเหนียวที่สุดในลีก เสีย 18 ประตู จาก 27 เกม (คิดเป็นค่าเฉลี่ย 0.67 ประตูต่อเกม) แยน โอบลัค ผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทีม เก็บคลีนชีตได้ 12 จาก 26 เกมที่ได้โอกาสลงเฝ้าเสา
ในฤดูกาลนี้ ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ ได้ปรับแผงหลังใหม่โดยใช้วิธีการตั้งรับ 2 ชั้น ซึ่งมีนักเตะอย่างเกลมองต์ ลองเลต์ กับฆาบี้ กาลัน รวมถึงจูเลียโน่ ซิเมโอเน่ ที่เล่นได้ทั้งรุกและรับ ทำให้สามารถหยุดเกมรุกของคู่แข่งได้ดีขึ้น
ขณะเดียวกัน บาร์เซโลน่า ทีมที่มีเกมรุกดีสุดในลีก ยิง 71 ประตู จาก 26 เกม (เฉลี่ย 2.73 ประตูต่อเกม) ในจำนวนนี้มี 11 เกม ที่ยิงคู่แข่งอย่างน้อย 3 ลูก โดยโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ และราฟินญ่า เป็นนักเตะที่ยิงแตะเลข 2 หลัก
ไอเดียการเจาะแนวรับคู่แข่งของฮันซี่ ฟลิค จะให้ผู้เล่นอย่างดานี่ โอลโม่ และเปดรี้ ดึงแนวรับฝ่ายตรงข้ามให้หลุดตำแหน่ง และส่งบอลไปให้ 3 นักเตะคีย์แมนในแนวรุกทั้งลามีน ยามาล, ราฟินญ่า และโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
อีกหนึ่งสถิติที่น่าสนใจคือ บาร์เซโลนาเป็นทีมที่ครองบอลมากที่สุดในลาลีกา ฤดูกาลนี้ โดยมีอัตราครองบอลเฉลี่ย 67% ต่อเกม ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย 51.2% ของแอตเลติโก มาดริด ซึ่งอยู่อันดับ 7 ในสถิตินี้อย่างชัดเจน
ปรัชญาฟุตบอลของทั้ง 2 กุนซือ แม้เวลาบุกเข้าใส่จะทำเร็ว และเน้นเจาะพื้นที่ว่างของคู่แข่งเหมือนกัน แต่สิ่งที่แตกต่างคือการตั้งรับ ฟลิคจะดันแนวรับขึ้นสูงถึงกลางสนาม แต่ซิเมโอเน่เลือกที่จะตั้งรับลึกและมีระเบียบวินัยสูง
ศึกวัดความคมระหว่างแนวรุกสุดอันตราย
เมื่อฟุตบอลคือเรื่องของการทำประตู สามประสานแนวรุกทั้ง 2 ทีมจะมาดวลความคม ฝั่งแอตเลติโก้ นำโดยอองตวน กรีซมันน์, ฮูเลี่ยน อัลบาเรซ และอเล็กซานเดอร์ ชอร์ลอธ ส่วนฝั่งบาร์ซ่า นำโดยโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, ราฟินญ่า และลามีน ยามาล
แนวรุกของทั้งสองทีมถือเป็นหนึ่งในแนวรุกที่ดีที่สุดในยุโรป เมื่อดูสถิติในทุกรายการ สามแนวรุกของ บาร์เซโลนา ทำไปแล้ว 73 ประตู จากเลวานดอฟสกี้ ยิงได้ 34 ประตู, ราฟินญา 27 ประตู และยามาล 12 ประตู ขณะที่ แอตเลติโก มาดริด มีสถิติยิง 52 ประตู จากกองหน้าทั้งสาม โดย อัลวาเรซ ยิง 22 ประตู, กรีซมันน์ 16 ประตู และ เซอร์ลอธ 14 ประตู
หากนับเฉพาะในลาลีกา แนวรุกของบาร์ซ่าทำไปแล้ว 40 ประตู (เลวานดอฟสกี้ 21 ประตู, ราฟินญา 13 ประตู, ยามาล 6 ประตู) ขณะที่แอตเลติโกทำได้ 28 ประตู (อัลวาเรซ 10 ประตู, เซอร์ลอธ 10 ประตู, กรีซมันน์ 8 ประตู) ถือเป็นการเผชิญหน้าระหว่างสองแนวรุกสุดอันตรายในลีก
การดวลกันในตำแหน่งอื่นๆ ที่น่าจับตามอง
ด้วยแนวรุกที่ดุดันของทั้งสองทีม ทำให้ผู้รักษาประตูกลายเป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน ทั้ง แยน โอบลัค และ วอยเชียค เชสนี่ ต่างอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยม โดย โอบลัค เป็นผู้รักษาประตูที่เสียประตูน้อยที่สุดใน LALIGA EA SPORTS ขณะที่ เชสนี่ ก็เสียไปเพียง 2 ประตูจาก 6 เกมหลังสุดในลีก และยังโชว์ฟอร์มสุดเหนียวแน่นในศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก
ในแผงมิดฟิลด์ โรดริโก เด ปอล และ เปดรี จะเป็นนักเตะที่น่าจับตามอง โดย เด ปอล มีบทบาทสำคัญทั้งเกมรุกและเกมรับในแผนของ ซิเมโอเน่ ส่วน เปดรี กำลังเป็นหัวใจสำคัญในแดนกลางของบาร์ซ่า ภายใต้การคุมทีมของ ฮันซี่ ฟลิค เขามีจังหวะการเคลื่อนบอลที่ดีทั้งการเลี้ยงบอลและจ่ายบอล
จากการที่เรอัล มาดริด บุกไปเก็บชัยเหนือบียาร์เรอัล 2 – 1 เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ทำให้แอตเลติโก้ มาดริด และบาร์เซโลน่า ต่างต้องการ 3 คะแนนเป็นอย่างยิ่ง เพื่อทำคะแนนไล่จี้จ่าฝูงต่อไปจนถึงท้ายฤดูกาล
16 มีนาคม 2568 12:45:06 โดย
sw88.admin
6 ยอดผู้ชม