‘เอ็นโซ่’ ยิงไว! หงส์แถม OG.+จุดโทษ ‘สิงห์’ ตบแชมป์ 3-1


เอ็นโซ่ แฟร์นานเดซ ยิงนำตั้งแต่นาทีที่ 3 ก่อนฟาน ไดค์ เตะอัด ควอนซาห์เข้าประตูตัวเองอีก แม้ ฟาน ไดค์ มาโขกไล่ท้ายเกมก็ไม่ทันทำให้ แถมโคล พาลเมอร์ มายิงจุดโทษปิดจ็อบ เชลซี ชนะ ลิเวอร์พูล 3-1 เก็บเพิ่ม 3 คะแนนเท่านิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด แต่ประตูได้เสียน้อยกว่า

เชลซี
Starting Formation: 4-2-3-1

1.

โรเบิร์ต ซานเชซ

3.

มาร์ค คูคูเรญ่า

6.

ลีวาย โคลวิลล์

23.

เทรโวห์ ชาโลบาห์

25.

มอยเซส ไคเซโด้

7.

เปโดร เนโต้

8.

เอ็นโซ่ แฟร์นานเดซ

11.

โนนี่ มาดูเอเก้

20.

โคล พาลเมอร์

46.

โรเมโอ ลาเวีย

78′

15.

นิโคลัส แจ็คสัน

72′

ตัวสำรอง

12.

ฟิลิป ยอร์เกนเซ่น

4.

โทซิน อดาราบิโอโย่

5.

เบอโนต์ บาเดียชิล

24.

รีซ เจมส์

27.

มาโล่ กุสโต้

78′

34.

จอช อาเชียมปง

22.

เคียร์แนน ดิวส์บิวรี่-ฮอลล์

32.

ไทริก จอร์จ

19.

เจดอน ซานโช่

72′

ผู้จัดการทีม

เอ็นโซ่ มาเรสก้า

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์
อาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคม 2568
กรรมการ ไซม่อน ฮูเปอร์

เชลซี
3
1
ลิเวอร์พูล

1-0 เอ็นโซ่ แฟร์นานเดซ 3’2-0 จาเรลล์ ควอนซาห์ 56′ (Og.)3-1 โคล พาลเมอร์ 90+6′ (Pen.)
2-1 เวอร์จิล ฟาน ไดค์ 85′

เชลซี ยังต้องการชัยชนะเพื่อพื้นที่แชมเปี้ยนส์ ลีก วันนี้กลับมาใช้ตัวจริงแต่มอยเซส ไคเซโด้ โดนโยกไปยืนแบ็คขวา แนวรุกมีทางนิโคลัส แจ็คสัน ออกสตาร์ตเช่นเดียวกับโคล พาลเมอร์, เปโดร เนโต้ และโนนี่ มาดูเอเก้ ส่วนลิเวอร์พูล ฟาดแชมป์ไปแล้วทำให้มีการโรเตชั่นเพียบ จาร์เรลล ควอนซาห์ มายืนเซ็นเตอร์ แดนกลางเปลี่ยนหมด วาตารุ เอ็นโด, เคอร์ติส โจนส์ และฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ลงเล่น ส่วนดิโอโก้ โชต้า ยืนหน้าเป้า

3′

หงส์โดนก่อนเลย!เอ็นโซ่สอดยิง 1-0
เชลซีขึ้นมาหนแรกได้ประตูเลย พาลเมอร์ออกขวาให้เนโต้กระชากขึ้นมาก่อนปาดเรียดมาให้เอ็นโซ่สอดมาจับก่อนยิงง่ายๆ เข้าประตูไปแบบไม่มีใครประกบ 1-0!!!

5′

สิงห์มาอีก!โนนี่ลุยเองยิงออก
ลิเวอร์พูลไปเสียบอลกลางสนามอีกทำให้มาดูเอเก้ลากบอลมาเองก่อนเข้าถึงกรอบเขตโทษแต่โดนชนไว้ทำให้ยิงไม่ดีบอลหลุดเสาขวามือไปแบบเอื่อยๆ

9′

กัคโปมาเองยิงเบาเกิน
กัคโปเกี่ยวหลุดมาทางซ้ายได้สวยก่อนลากเข้ากรอบเขตโทษเพื่อนรออยู่หลายคนแต่ตัดสินใจปั่นด้วยขวาเองบอลก็เบาเกินไปซานเชซรับสบาย

16′

เอ็นโซ่ขืนจนได้โขก
พาลเมอร์ได้ครอสบอลริมเส้นขวาบอลลอยไปถึงเอ็นโซ่ที่โดนควอนซาห์ประกบไว้แต่ยังได้โหม่งทว่ากดไม่ลงข้ามคานไปไกล

30′

เนโต้ได้ยิงไปติดบล็อค
เตะมุมทางซ้ายของเชลซี เอ็นโซ่เปิดมาเสาแรก ชิมิกาสโขกไม่ดีไปตั้งให้เนโต้ได้ซัดด้วยซ้ายแต่ยังไปติดบล็อคแนวรับที่ยืนขวางเอาไว้อยู่

42′

เนโต้มาอีกเข้าหน้าต่าง
เกมสวนของเชลซีมาได้จบอีก เนโต้กระชากจี้ใส่ชิมิกาสก่อนล็อคเข้าซ้ายแล้วยิงหักข้อเร็วแต่บอลไปเข้าหน้าต่างเท่านั้น

HALF TIME

48′

แจ็คสันยิงเบาไป
มาดูเอเก้ลากแหวกเข้าไปในกรอบเขตโทษก่อนไหลให้แจ็คสันแต่บอลย้อนไปหน่อยทำให้ยิงไม่เต็มบอลไปเข้ามืออลิสซอน

56′

VvD เตะอัดขวัญซ่า OG. 2-0
เชลซีมาได้ประตุอีกพาลเมอร์ลากลุยเข้าไปในกรอบเขตโทษขวาก่อนเปิดยัดเข้ากลางบอลเลยไปทางเสาไกลมาดูเอเก้ชาร์จไม่ได้โดนเอ็นโดสกัดแล้วฟาน ไดค์เตะเคลียร์ไปติดควอนซาห์เข้าประตูตัวเอง 2-0!!!

61′

แจ็คสันหมุนมายิงเลย
ควอนซาห์ตามไปสกัดบอลไม่ดีเข้าทางของแจ็คสันหันมาแล้วยิงทันทีแต่อลิสซอนกลับมายืนคุมหน้าประตูทันแล้วรับไม่มีปัญหา

63′

VvD โขกคนเดียวข้ามคาน
เตะมุมทางขวาของลิเวอร์พูล ชิมิกาส เปิดออกมาด้านนอกฟาน ไดค์กระโดดโขกคนเดียวแต่ก็ยังโหม่งข้ามคานไปไกล

69′

ไอ้หนูนนน!โขกผิดเหลี่ยมซะงั้น
ซาลาห์ลากมาก่อนหักเข้าซ้ายแล้วยกไปให้ดาร์วินโถมมาโหม่งคนเดียวแล้วแต่ดันผิดเหลี่ยมบอลออกหลังไปเฉย

78′

บังโมโขกไม่ดีอีก
ชิมิกาสทำชิ่งกับนูนเญซก่อนเปิดไปทางเสาไกล ซาลาห์พยายามโขกย้อนศรแต่บอลก็หลุดเสาไกลไปอีก

80′

พ่อหมีช่วยไว้!ซานโช่แปเน้นๆ ไม่ได้เพิ่ม
มาดูเอเก้ลากเข้าหากรอบเขตโทษแล้วยิงไปติดบล็อค เอ็นโซ่ออกทางซ้ายซานโช่เอี้ยวตัวแปเน้นๆ แต่อลิสซอนยังไม่ยอมล้มตัวบังบอลได้อีก

81′

พาลเมอร์มาเองซัดมุมแคบชนเสาไกล
พาลเมอร์ลากมาเองทางริมเส้นซ้ายก่อนไปสุดเส้นหลังก่อนตัดสินใจยิงยัดบอลผ่านอลิสซอนแล้วแต่ไปชนเสาไกลกระดอนออกมาไม่โดนเหลี่ยมใน

85′

VvD โขกเตะมุม!หงส์ไล่ 1-2
เตะมุมทางขวาของ หงส์แดง มาได้ประตูตีไข่แตก แม็ค อัลลิสเตอร์ เปิดบอลมาหน้ากรอบหกหลา ฟาน ไดค์สอดมาโขกเต็มๆ 1-2!!!

90+5′

พาลเมอร์ยิงโทษอีก 3-1
ลิเวอร์พูล มาเสียจุดโทษอีก โซบอสซ์ไลจ่ายไปให้ควอนซาห์แบบไม่ดูโดนไคเซโด้โฉบมาถึงบอลก่อนแล้วทิ้งตัวล้มกรรมการเป่าทันที พาลเมอร์เอาบอลมาวางแล้วยิงเข้าไป 3-1!!!

สิงห์เชือดหงส์ 3-1
จบเกม เชลซี เอาชนะ ลิเวอร์พูล 3-1 เก็บสามคะแนนสำคัญในการลุ้นพื้นที่แชมเปี้ยนส์ ลีก ขณะที่ทีมของอาร์เน่อ สล็อท แพ้นัดที่ 3 ของซีซั่น

ลิเวอร์พูล
Starting Formation: 4-2-3-1

1.

อลิสซอน เบ็คเกอร์

4.

เวอร์จิล ฟาน ไดค์

21.

คอสตาส ชิมิกาส

82′

66.

เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์

58′

78.

จาเรลล์ ควอนซาห์

3.

วาตารุ เอ็นโด

69′

11.

โมฮาเหม็ด ซาลาห์

17.

เคอร์ติส โจนส์

18.

โคดี้ กัคโป

19.

ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์

69′

20.

ดิโอโก้ โชต้า

58′

ตัวสำรอง

62.

ควีวิน เคลเลเฮอร์

5.

อิบราฮิมา โคนาเต้

26.

แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน

84.

คอเนอร์ แบรดลี่ย์

58′

8.

โดมินิก โซบอสซ์ไล

69′

10.

อเล็กซิส แม็ค-อัลลิสเตอร์

69′

7.

หลุยส์ ดิอาซ

9.

ดาร์วิน นูนเญซ

58′

14.

เฟเดริโก้ เคียซ่า

82′

ผู้จัดการทีม

อาร์เน่อ สล็อท