เรือเกือบไป! KDB สำรองนำชัยเชือดสมัน 2-1


แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกือบช็อคโดนทีมลีก วันอย่างเลย์ตัน โอเรียนท์ ขึ้นนำก่อนจากการยิงไกลแล้วไปโดนออร์เตก้า เข้าประตูตัวเอง แต่ลงมาครึ่งหลัง ลูอิส ยิงไปแฉลบคูซานอฟ ตีเสมอได้ก่อนเควิน เดอ บรอยน์ ลงสำรองมายิงประตูชัยชนะ 2-1 ผ่านเข้าไปเล่นรอบ 5 เอฟเอ คัพ ได้แบบหืดจับ

เลย์ตัน โอเรียนท์
Starting Formation: 4-2-3-1

24.

โจชัว คีลี่ย์

5.

แดเนี่ยล ฮัปเป้

4.

แจ็ค ซิมป์สัน

12.

แจ็ค เคอร์รี่

2.

ทอม เจมส์

17.

เจมี่ ดอนลี่ย์

85′

8.

จอร์แดน บราวน์

85′

22.

อีธาน กัลเบรธ

85′

23.

ชาร์ลี เคลแมน

27.

เดลแลง ไจเยซิมิ

56′

20.

ซอนนี่ เพอร์กิ้นส์

65′

ตัวสำรอง

7.

แดเนี่ยล อักเย

85′

6.

แบรนดอน คูเปอร์

65′

15.

โดมินิก บอลล์

85′

29.

แซค โอเบียโร่

85′

3.

เจย์เดน สวีนี่ย์

18.

ดาร์เรน แพรทลี่ย์

56′

44.

ดิลาน คูมาร์ มาร์คานเดย์

26.

เจดอน ฟิลิปส์

36.

แดน คาร์เตอร์

ผู้จัดการทีม

ริชาร์ด เวลเลนส์

เอฟเอ คัพ รอบ 4

สนาม กวงฮาน กรุ๊ป สเตเดี้ยม
เสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2568
กรรมการ ดาร์เรน บอนด์

เลย์ตัน โอเรียนท์
1
2
แมนเชสเตอร์ ซิตี้

1-0 สเตฟาน ออร์เตก้า 16′
1-1 อับดูโคดีร์ คูซานอฟ 56’1-2 เควิน เดอ บรอยน์ 79′

ซิตี้ ส่งบรรดาสำรองลงสนามเป็นส่วนใหญ่พร้อมนักเตะใหม่อย่างนิโคลัส กอสซาเลซ ได้เดบิวต์ตัวจริง แดนหน้าเป็นโอมาร์ มาร์มูช ยืนสูงและไม่มีชื่อของเออร์ลิ่ง ฮาลันด์ บนซุ้มม้านั่งสำรองอีกต่างหาก

10′

เรือครองเกมแต่หัววัน
เริ่มเกมมาซิตี้ครองบอลบุกเข้าใส่เป็นส่วนใหญ่แต่กว่าจะหาโอกาสจบได้ก็ผ่านไปสิบนาทีกุนโดกันได้ส่องด้วยขวาแต่หลุดเสาออกไปหลังจากซาวินโญ่ จ่ายบอลมาถึง

16′

โดนเกือบครึ่งสนาม!นิโก้เสียบอล, ออร์เตก้า OG.
กลายเป็นเลย์ตัน ได้ประตูขึ้นนำซะงั้น เป็นจังหวะที่กอนซาเลซ ไปโดนเบียดเสียบอลกลางสนามแล้วบอลเข้าตีนของดอนลี่ย์ ซัดไกลเกือบครึ่งสนามบอลพุ่งไปชนคานก่อนกระดอนมาโดนก้นของออร์เตก้า เข้าประตู 1-0!!!!

19′

แม็คอาตี้ชาร์จเบาไป
โอเรลลี่ย์ได้บอลทางซ้ายก่อนครอสเข้ากรอบเขตโทษเป็นทางแม็คอาตี้พยายามพุ่งเข้าชาร์จแต่บอลก็ไปเข้ามือโกลเสียก่อน

22′

นิโก้เดี้ยงต้องเปลี่ยนเลย
แล้วกอนซาเลซ มีอาการเจ็บตั้งแต่จังหวะเสียประตูเล่นต่อไปไม่ไหวต้องส่งเอาแบร์นาร์โด้ ซิลวา ลงสนามมาเล่นแทนตั้งแต่กลางครึ่งแรก

31′

ดิอาสโขกเข้ามือโกล
เตะมุมทางขวาของซิตี้เปิดบอลมาหน้าปากประตูแล้วเป็นดิอาส พุ่งมาโขกได้แต่บอลไปตรงตัวของคีลี่ย์รับเข้าซองในจังหวะนี้

36′

แม็คอาตี้มุมแคบโดนเคลียร์บนเส้น
ซิตี้เกือบได้ประตูตีเสมอ กรีลิชโยกในกรอบเขตโทษหยอดบอลไปด้านขวาแล้วมีแม็คอาตี้โฉบมายิงมุมแคบบอลผ่านดีลี่ย์ไปแล้วแต่ยังมีดอนลี่ย์ลงมาเตะทิ้งจากเส้น

42′

เลย์ตันสวนมาได้จบ
เคลแมนหลุดจากกลางสนามริมเส้นซ้ายขึ้นมาไม่ล้ำหน้าก่อนลากบอลมาแล้วเปิดไปให้เพอร์กิ้นส์ ฉีกตัวประกบมายิงด้วยซ้ายแต่ข้ามคานไปไกล

45+3′

เซฟได้!มาร์มูชชาร์จเหน่งยังเซ็งต่อ
ไม่น่าเชื่อว่า เรือใบสีฟ้า ไม่ได้ประตูนำ ซาวินโญ่ ขึ้นมาทางขวาก่อนเปิดเข้ากลางให้มาร์มูชพุ่งมายิงเหน่งๆ คนเดียวแต่ดันไปติดเซฟของคีลี่ย์ที่ใช้ขาซ้ายป้องกันเอาไว้

HALF TIME

53′

เรือโหมบุกใส่
กุนโดกันวางเท้ายิงหน้ากรอบเขตโทษแต่บอลไปติดบล็อคซิมป์สันกระดอนออกมาลูอิสตามมาซ้ำก็ยังกดไม่ลงข้ามคานไปอีก

56′

แฉลบคูซานอฟ! ลูอิสส่องไกลเจ๊า 1-1
โอเรลลี่ย์วางบอลเข้ากรอบเขตโทษให้มาร์มูชโฉบมายิงแต่ไปติดเซฟของคีลี่ย์ เสียเตะมุม แล้วจากจังหวะนี้เอง กุนโดกันเล่นสั้นมาให้กรีลิชจ่ายตั้งมาถึงลูอิส ยิงไกลนอกกรอบบอลไปแฉลบคูซานอฟเปลี่ยนทางเข้าประตูไป 1-1!!!

62′

แม็คอาตี้ซัดเกือบได้เฮ
ซิตี้ เกือบได้เพิ่ม แม็คอาตี้ให้บอลไปถึงมาร์มูชพยายามเกี่ยวยิงไม่ได้บอลคืนมาถึงแม็คอาตี้ยิงข้ามคานไปแบบเส้นยาแดง

64′

คีลี่ย์เซฟอีก!กุนโดกันแปเน้นๆ
เรือใบสีฟ้า บดหนักเลย ซาวินโญ่ คืนมาให้กุนโดกันตั้งเท้าแปหน้ากรอบบอลแฉลบแล้วแต่ยังโดนประตูล้มตัวปัดออกไปอีก

75′

เคลมานยัดเสาแรกออร์เตก้าเซฟทัน
เคลมานลากจี้เข้าหากรอบเขตโทษขวาก่อนตัดสินใจยิงยัดไปที่เสาแรกทำเอาออร์เตก้าต้องออกแรงปัดทิ้งไปก่อน

79′

KDB ลงมายิง!เรือพลิกแซง 2-1
ประตูแซงมาจนได้ กรีลิช ยกบอลเข้ากรอบเขตโทษซ้ายมาให้เดอ บรอยน์ สำรองที่เพิ่งลงสนามมาวิ่งสอดทะลุช่องก่อนดีดด้วยขวาหนีคีลี่ย์เข้าประตูไป 2-1!!!

86′

แพรทลี่ย์หมุนยิงข้ามคาน
บอลของซิตี้เคลียร์กันไม่ขาดทำให้สุดท้ายเป็นทางแพรทลี่ย์ได้กลับตัวยิงในกรอบเขตโทษแต่บอลโด่งเกินไปไม่เข้ากรอบ

เรือเป่าปากเบียดเลย์ตัน
จบเกมซิตี้ ไล่ยิงแซงชนะ 2-1 แบบหืดจับผ่านเข้าไปเล่นในรอบต่อไปได้สำเร็จ

แมนเชสเตอร์ ซิตี้
Starting Formation: 4-2-3-1

18.

สเตฟาน ออร์เตก้า

3.

รูเบน ดิอาส

46′

22.

วิคเตอร์ เฮส

46′

75.

นิโก้ โอเรลลี่ย์

72′

82.

ริโก้ ลูอิส

87.

เจมส์ แม็คอาตี้

72′

19.

อิลกาย กุนโดกัน

14.

นิโคลัส กอนซาเลซ

22′

7.

โอมาร์ มาร์มูช

10.

แจ็ค กรีลิช

26.

ซาวินโญ่

ตัวสำรอง

47.

ฟิล โฟเด้น

72′

25.

มานูเอล อาคันยี่

67.

ดิวิน มูบามา

17.

เควิน เดอ บรอยน์

72′

33.

สกอตต์ คาร์สัน

27.

มาเตอุส นูเนส

5.

จอห์น สโตนส์

46′

20.

แบร์นาร์โด้ ซิลวา

22′

45.

อับดูโคดีร์ คูซานอฟ

46′

ผู้จัดการทีม

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า