เรือปาดเหงื่อ! โดนก่อน ‘โอเรลลี่ย์’ โขกเบิ้ลแซงพลีมัธ 3-1


เกือบมีช็อคเหมือนกันเมื่อพลีมัธ ได้ประตูออกนำไปก่อนเฉยจากลูกโหม่งของ มัคซิม ทาโลเวียรอฟ แต่บทส่งให้ นิโก้ โอเรลลี่ย์ เป็นฮีโร่ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นมาโขกลูกนิ่งคนเดียวสองประตู ก่อนเควิด เดอ บรอยน์ ยิงตอกฝา แซงชนะ 3-1 ผ่านเข้าไปเล่นรอบ 8 ทีมเอฟเอ คัพ แบบต้องออกแรงเหนื่อยเหมือนกัน

แมนเชสเตอร์ ซิตี้
Starting Formation: 4-2-3-1

18.

สเตฟาน ออร์เตก้า

6.

นาธาน อาเก้

22.

วิคเตอร์ เฮส

75.

นิโก้ โอเรลลี่ย์

82.

ริโก้ ลูอิส

17.

เควิน เดอ บรอยน์

20.

แบร์นาร์โด้ ซิลวา

19.

อิลกาย กุนโดกัน

47.

ฟิล โฟเด้น

83′

10.

แจ็ค กรีลิช

87.

เจมส์ แม็คอาตี้

59′

ตัวสำรอง

7.

โอมาร์ มาร์มูช

24.

ยอสโก้ กวาร์ดิโอล

9.

เออร์ลิ่ง ฮาลันด์

59′

11.

เจเรมี่ โดกู

31.

เอแดร์ซอน

14.

นิโก้ กอนซาเลซ

83′

27.

มาเตอุส นูเนส

3.

รูเบน ดิอาส

26.

ซาวินโญ่

ผู้จัดการทีม

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

เอฟเอ คัพ รอบ 5

สนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม
เสาร์ที่ 1 มีนาคม 2568
กรรมการ เคร็ก พาวสัน

แมนเชสเตอร์ ซิตี้
3
1
พลีมัธ อาร์ไกล

1-1 นิโก้ โอเรลลี่ย์ 45+1’2-1 นิโก้ โอเรลลี่ย์ 76’3-1 เควิน เดอ บรอยน์ 90′
0-1 มัคซิม ทาโลเวียรอฟ 38′

แมน ซิตี้ ไม่ประมาทจัดนักเตะตัวจริงลงเล่นหลายตำแหน่งเลยแต่ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ที่เพิ่งหายเจ็บเป็นสำรองไปก่อนทำให้เจมส์ แม็คอาตี้ ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า แดนกลางจอมเก๋าทั้งนั้น เควิน เดอ บรอยน์, อิลกาย กุนโดกัน และแบร์นาร์โด้ ซิลวา ลงสนามมาคุมเกม

10′

เรือมาถึงบุกใส่
เปิดเกมมาซิตี้เป็นฝ่ายบุกเข้าใส่ตามคาดแล้วมีโอกาสหลายต่อหลายหนแต่ยังไม่มีจังหวะไหนที่สามารถยิงตรงกรอบได้เลย

18′

กุนโดกันโขกติดเซฟ
เดอ บรอยน์จ่ายขวางออกขวาให้แบร์นาร์โด้คนเดียวจับนิ่งๆ ก่อนโยนไปให้กุนโดกันสอดมาโขกสวยแล้วแต่ฮาซาร์ดยังล้มตัวรับได้อีก

24′

อาเก้พยายามโขกแต่โดนเบียด
เตะมุมทางซ้ายของซิตี้ เดอ บรอยน์ เปิดไปทางเสาไกลมีอาเก้พยายามโถมมาโขกแต่มีตัวประกบสุดท้ายบอลออกหลังแล้วกรรมการให้เตะมุมอีกหน

28′

กุนโดกันยิงชนเสาอีก
น่าได้จริงๆ สำหรับเจ้าถิ่น กรีลิชทำชิ่งหนึ่งสองกับเดอ บรอยน์ก่อนหลุดเข้ากรอบเขตโทษซ้ายแล้วจ่ายมาให้กุนโดกันยิงแบบไม่จับแต่บอลไปชนเสาเต็มๆ

38′

เรือช็อค!มัคซิมโขกเตะมุมนำ 1-0
กลายเป็นพลีมัธได้ประตูขึ้นนำจากเตะมุมทางซ้ายที่โซริโนล่าเปิดบอลมาตรงเส้นกรอบหกหลาแล้วทาโลเวียรอฟกระโดดโขกสะบัดบอลเข้าทางเสาสอง 1-0!!!

41′

เฮสสะบัดเสาแรกยังไม่ตรง
โฟเด้นเปิดเตะมุมมาที่เสาแรกให้เฮสขึ้นมากระโดดโขกได้แล้วแต่สะบัดไม่ตรงกรอบหลุดออกหลังไปเอง

44′

KDB ได้ซัดติดปลายนิ้วฮาซาร์ด
ซิตี้พยายามทวงประตูคืน เดอ บรอยน์เล่นกับกรีลิชก่อนเข้ากรอบเขตโทษซ้ายแล้วยิงแต่ไปติดปลายมือของฮาซาร์ดก่อนหลุดเสาไปนิดเดียว

45+1′

เอาจนได้!โอเรลลี่ย์โขกเรือเจ๊า 1-1
ซิตี้ตีเสมอจนได้จากลูกนิ่ง เดอ บรอยน์เปิดฟรีคิกทางขวามาให้โอเรลลี่ย์โขกสะบัดฮาซาร์ดพยายามปัดแล้วแต่ไม่พ้นบอลเข้าประตู 1-1!!!

HALF TIME

50′

แบร์นาร์โด้แปเน้นยังติดโกล
กลับมาลงครึ่งหลังเจ้าถิ่นเกือบได้ประตูนำกุนโดกันลากแหวกไปสุดเส้นหลังทางขวาก่อนปาดมาให้แบร์นาร์โด้ได้แปเน้นๆ แต่ฮาซาร์ดยังไม่ยอมปัดได้ทันเวลา

57′

ลูอิสกระโดดยิงข้ามคานอีก
เดอ บรอยน์พลิกสวยในกรอบเขตโทษซ้ายก่อนเปิดไปติดมัคซิมบอลลอยโด่งแล้วมีลูอิสตามมาสลับขายิงก็ยังข้ามคาน

68′

เรือยังบุกหนัก
เตะมุมสั้นทางซ้ายของ เรือใบสีฟ้า เดอ บรอยน์เขี่ยบอลออกมาหามุมก่อนวิ่งมาปั่นยิงไปที่เสาแรกแต่ฮาซาร์ดยังไม่พลาดปัดได้อีก แล้วจังหวะต่อมา ฮาลันด์ ได้ซัดเต็มๆ ดันซัดข้ามคานไปไกล

75′

ฮาซาร์ดดับเบิ้ลเซฟ
อะไรจะขนาดนั้น ซิตี้ยังไม่ได้ฮาลันด์พุ่งมาชาร์จจ่อๆ ในกรอบหกหลาไปติดเซฟฮาซาร์ดบอลกระดอนออกมาแบร์นาร์โด้ตามซ้ำก็ยังติดเซฟโกลจอมหนึบอีก

76′

โอเรลลี่ย์โขกอีก!เรือแซงนำ 2-1
แต่จากจังหวะเตะมุมเจ้าถิ่นมาได้เฮจนได้ โฟเด้นเปิดเตะมุมทางขวาไปทางเสาไกลให้โอเรลลี่ย์โขกเข้าประตู โดยนักเตะพลีมัธโวยว่ามีการฟาวล์ไปก่อนแต่กรรมการไม่เชื่อ

90′

KDB ยิงตอกฝาเรือหนี 3-1
เกมจบเรียบร้อยเมื่อเจ้าถิ่นมาได้ประตูที่สาม ฮาลันด์หลุดยิงไปติดเซฟฮาซาร์ดแต่บอลไม่ไปไหนฮาลันด์เกี่ยวได้ก่อนจ่ายให้เดอ บรอยน์สอดมาจิ้มในกรอบหกหลาไม่เหลือ 3-1!!! และจบเกมด้วยสกอร์นี้

พลีมัธ อาร์ไกล
Starting Formation: 3-4-2-1

21.

คอเนอร์ ฮาซาร์ด

5.

ฮูลิโอ เพลกูซูเอโล่

25.

นิโคล่า คาติช

40.

มัคซิม ทาโลเวียรอฟ

19.

มาลาชี่ บัวเต็ง

18.

ดาร์โก้ ยาบี้

64′

3.

นาธาเนล อ๊อกเบต้า

71′

2.

บาลี มุมบ้า

64′

15.

มุสตาฟา บันดู

64′

11.

คัลลั่ม ไรท์

29.

แม็ทธิว โซริโนล่า

80′

ตัวสำรอง

8.

โจ เอ็ดเวิร์ดส์

28.

รามี่ อัล ฮาจ

64′

31.

แดเนี่ยล กริมชอว์

4.

จอร์แดน ฮิวจ์ตัน

64′

6.

คอร์เนล ซุคส์

80′

34.

คาเล็บ โรเบิร์ตส์

17.

ทีโมเตอุสซ์ พูชาชซ์

71′

30.

มิคาเอล ไบดู

64′

44.

วิคเตอร์ พัลส์สัน

ผู้จัดการทีม

มิลอส มุสลิช