ราชันเละเป็นโจ๊ก! บาร์ซ่าสวนหายๆ 5-2 ชูถ้วยซูเปอร์คัพ

BLOG TOPIC_A

ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: [email protected]
โปรโมชั่นลดจากเดิม 30% (ไม่รับโฆษณาผิดกฏหมายทุกประเภท)


ราชันชุดขาว เรอัล มาดริด เกมรับรั่วได้ใจ โดน บาร์เซโลน่า ใช้เกมโต้กลับเล่นงานไล่ถล่มคู่ปรับตลอดกาลแบบไม่ไว้หน้า 5-2 ในเกมที่พวกเขาต้องเล่นแค่ 10 คนตั้งแต่นาที 56 หลัง วอจเชียค เชสนี่ ถูกใบแดงไล่ออก แต่ยังเหนียวแน่นพอรักษาสกอร์ได้เปรียบจนผงาดคว้าแชมป์สแปนิช ซูเปอร์ คัพ มาครองได้ในที่สุด

เรอัล มาดริด
Starting Formation: 4-2-3-1

1.

ธีโบต์ คูร์กตัวส์

22.

อันโตนิโอ รูดิเกอร์

14.

ออเรลิยง ชูอาเมนี่

23.

แฟร์กน็อง เมนดี้

17.

ลูคัส บาซเกซ

5.

จุ๊ด เบลลิงแฮม

6.

เอดูอาร์โด้ คามาวิงก้า

8.

เฟเดริโก้ วัลเวร์เด้

9.

คิลิยัน เอ็มบัปเป้

7.

วินิซิอุส จูเนียร์

11.

โรดรีโก้

ตัวสำรอง

19.

ดานี่ เซบาญอส

21.

บราฮิม ดิอาซ

20.

ฟราน การ์เซีย

35.

ราอูล อเซนซิโอ

39.

ลอเรนโซ่ อกัวโด้

16.

เอนดริค

13.

อังเดร ลูนิน

10.

ลูก้า โมดริช

26.

ฟราน กอนซาเลซ

4.

ดาวิด อลาบา

15.

อาร์ด้า กูแลร์

ผู้จัดการทีม

คาร์โล อันเชลอตติ

ซูเปร์โกปา เด เอสปันญ่า รอบชิงชนะเลิศ

สนาม คิง อับดุลลาห์ สปอร์ตส์ ซิตี้, เจดดาห์
วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม 2568
กรรมการ

เรอัล มาดริด
2
5
บาร์เซโลน่า

1-0 เอ็มบัปเป้ 5’2-5 โรดรีโก้ 60′
1-1 ยามาล 22’1-2 เลวานดอฟสกี้ 36′ (Pen.)1-3 ราฟินญ่า 39’1-4 บัลเด้ 45+9’1-5 ราฟินญ่า 48′

เรอัล มาดริด โคจรมาพบกับ บาร์เซโลน่า ทีมคู่รักคู่แค้นเจ้าประจำใน เอล กลาซิโก้ เวอร์ชั่น สแปนิช ซูเปอร์ คัพ นัดชิงชนะเลิศ ที่ริยาด ในเกมที่ทั้งสองทีมจัดทีมชุดใหญ่ที่กำลังโชว์ผลงานได้ดีมาปะทะกันในวันนี้

2′

ยามาลส่องไกลขอลุ้นก่อนเลย
เริ่มเกมแค่นาทีเศษ คูร์กตัวส์ ต้องออกเซฟแล้ว เมื่อเขาพุ่งปัดปลายมือลูกยิงนอกกรอบของยามาล

4′

คูร์กตัวส์ซูเปอร์เซฟลูกโขกราฟินญ่า
คูร์กตัวส์งานชุก โชว์ซูเปอร์เซฟ ปัดลูกโขกจ่อๆของราฟินญ่าบนเส้นประตูได้เหลือเชื่อสุดๆ

5′

แต่เป็นมาดริดยิงขึ้นนำก่อน 1-0
อย่างไรก็ตาม กลายเป็นเรอัล มาดริด ที่ขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากเกมสวนกลับ วินิซิอุส จูเนียร์ ตัดบอลได้หน้าบ้านนตัวเอง ก่อนจ่ายให้ เอ็มบัปเป้ พาบอลไปโยกหลอกอเล็กซ์ บัลเด้ หลุดยิงมุมแคบผ่านมือเชสนี่เข้าประตูไป

22′

ยามาลอย่างเก่งซัดตีเสมอสำเร็จ 1-1
ยามาล พิเศษสุดๆ จังหวะหลุดทางขวา แตะบอลเข้าในหนีชูอาเมนี่แล้วสับด้วยซ้ายหักมุมส่งบอลวิ่งเบียดโคนเสาแรกเข้าประตูเด็ดขาดสุดๆ

28′

อิญากี้ มาร์ติเนซเจ็บต้องเปลี่ยนออก
อิญากี้ มาร์ติเนซ มีปัญหาบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว บาร์ซ่าต้องส่งอเราโฮทำหน้าที่แทน

35′

มาดริดหนักมาเสียจุดโทษอีก
งานเข้าเรอัล มาดริด ผู้ตัดสินเช็ค VAR ให้จุดโทษบาร์ซ่าจังหวะคามาวิงก้าไปเกี่ยวกาบี้ล้มลงในเขตโทษ

36′

เลวานสังหารจุดโทษไม่พลาด 2-1
เลวานดอฟสกี้ รับหน้าที่สังหารไม่พลาด บาร์ซ่าพลิกกลับมาแซงนำ 2-1

39′

เกมรับรั่ว มาดริดโดนราฟินญ่าโขก 3-1
สกอร์ไปไกล 3-1 แนวรับเรอัล มาดริด รั่วมาก เปิดพื้นที่ให้ ราฟินญ่า สอดเข้าโขกลูกครอสทางขวาโล่งๆ คนเดียวเข้าประตูไป

45+9′

เอาไม่อยู่ บาร์ซ่าโต้กลับมาได้ 4-1
ครึ่งแรกทดเจ็บนานถึง 9 นาที และนาทีสุดท้าย เกมรับเรอัล มาดริด ก็ยุ่ยอีกครั้ง โดนเกมโต้กลัวเร็วของบาร์ซ่าเล่นงานไปจบที่ อเล็กซ์ บัลเด้ ได้บอลมายิงผ่านมือคูร์กตัวส์เข้าประตูไปอีกลูกให้สกอร์ขาดลอยตั้งแต่ครึ่งแรก 4-1

HALF TIME

46′

มาดริดแก้เกมส่งถอดคามาวิงก้าออก
ครึ่งหลังเรอัล มาดริดแก้เกมเปลี่ยนเซบาญอสเล่นแทนคามาวิงก้า

47′

โรดรีโก้วอลเล่ย์ชนคาน มาดริดไร้โชค
เรอัล มาดริด ได้ลุ้นทันทีจากลูกวอลเล่ย์ที่เสาไกลของโรดรีโก้ แต่บอลเจ้ากรรมดันแม่นสามเหลี่ยม อดได้ประตูพลิกเกมซะอีก

48′

เกมรับมาดริดเอาราฟินญ่าไม่อยู่โดน 5-1
บาร์เซโลน่า อาศัยเกมโต้กลับเร็วเล่นงานเรอัล มาดริด อีกครั้ง และก็เป็นอีกครั้งที่แนวรับราชันชุดขาวเอาแนวรุกบาร์ซ่าไม่อยู่ ปล่อยให้ราฟินญ่าพลิกบอลหนีดงผ้เล่นเรอัล มาดริด ได้สับไกผ่านมือคูร์กตัวส์เป็นสกอร์ 5-1

52′

บาซเกซรั่วมากถูกเปลี่ยนตัวออก
เกมรับฝั่งขวาของบาซเกซรั่วได้ใจจนอันเชลอตติต้องแก้เกมเปลี่ยนให้อเซนซิโอลงไปเล่นแทน

56′

เชสนี่โดนแดง บาร์ซ่าเหลือ 10 คน
ผู้ตัดสินออกไปเช็ค VAR อีกครั้ง ก่อนให้ใบแดงไล่เชสนี่ออกจากสนาม หลังสไลด์ตัดเกมเอ็มบัปเป้ที่กำลังหลุดเดี่ยว

เวลาที่เหลือน่าสนใจมาก สกอร์นำ 5-1 แต่ผู้เล่นเหลือน้อยกว่า 1 คน

59′

ตัวน้อยกว่า บาร์ซ่าต้องถอดกาบี้,ยามาลออก
ตัวเหลือน้อยกว่า ฟลิคต้องแก้เกมปรับหมากถอดเอา ยามาล กับกาบี้ ออก

60′

ยังไม่จบ โรดรีโก้กดฟรีคิกไล่มา 2-5
เรอัล มาดริด กลับสู่เกมได้อย่างไว เมื่อโรดรีโก้ซัดฟรีคิกผ่านมือ เปนญ่า ประตูสำรองเข้าประตูไป ไล่มา 2-5

80′

มาดริดยังแก้ประตูเพิ่มไม่ได้
แม้ว่าตัวจะมีมากกว่าแต่เรอัล มาดริด แก้ประตูคืนเพิ่มไม่ได้ เข้าช่วง 10 นาทีสุดท้ายสกอร์ยังตามหลังอยู่ 3 ลูกเหมือนเดิม

ครึ่งหลังทดเจ็บ 8 นาที แต่เรอัล มาดริด ที่ตัวผู้เล่นมากกว่าไม่สามารถแก้ประตูคืนได้อีก จนกระทั่งหมดเวลา บาร์เซโลน่าเป็นฝ่ายชนะขาด 5-2 คว้าแชมป์ได้สุดยิ่งใหญ่

บาร์เซโลน่า
Starting Formation: 4-3-3

25.

วอจเชียค เชสนี่

5.

อิญิโก้ มาร์ติเนซ

2.

เปา คูบาร์ซี่

3.

อเล็กซ์ บัลเด้

23.

ชูลส์ คุนเด้

17.

มาร์ค คาซาโด้

8.

เปดรี้

6.

กาบี้

9.

โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้

11.

ราฟินญ่า

19.

ลามีน ยามาล

ตัวสำรอง

4.

โรนัลด์ อเราโฮ

32.

เอคตอร์ ฟอร์ต

35.

เคราร์ด มาร์ติน

18.

เปา วิคตอร์

24.

เอริค การ์เซีย

16.

เฟร์มิน โลเปซ

21.

เฟรนกี้ เดอ ยอง

13.

อิญากี้ เปนญ่า

26.

อันเดร์ อัสตราลาก้า

7.

เฟร์ราน ตอร์เรส

20.

ดานี่ โอลโม่

ผู้จัดการทีม

ฮานซี่ ฟลิค