‘พัลเมอร์’ อีกแล้ว!! ซัดช่วยสิงห์เบียดสาลิกา 2-1 ขึ้นที่ 4 ชั่วคราว


โคล พัลเมอร์ ยังเป็นที่พึ่งให้กับ เชลซี เหมือนเคยเมื่อมีส่วนร่วมกับประตูแรกจ่ายสวยๆพาทีมออกนำก่อนจะโดน อเล็กซานเดอร์ อิซาค ตีเสมอ ถึงอย่างนั้น พัลเมอร์ คนเดิมคราวนี้เป็นคนซัดเองช่วยให้ สิงห์บลูส์ เอาชนะ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 2-1 ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 4 ก่อน

เชลซี
Starting Formation: 4-2-3-1

1.

โรเบิร์ต ซานเชซ

6.

ลีวาย โคลวิลล์

29.

เวสลี่ย์ โฟฟาน่า

27.

มาโล กุสโต้

78′

24.

รีซ เจมส์

45.

โรเมโอ ลาเวีย

72′

25.

มอยเซส ไคเซโด้

20.

โคล พัลเมอร์

7.

เปโดร เนโต้

11.

โนนี่ มาดูเอเก้

67′

15.

นิโคลัส แจ๊คสัน

78′

ตัวสำรอง

12.

ฟิลิป ยอร์เกนเซ่น

4.

โทซิน อดาราบิโอโย

3.

มาร์ก คูคูเรญ่า

78′

40.

เรนาโต้ เวก้า

8.

เอนโซ แฟร์นานเดส

72′

10.

มีคายโล มูดรีค

67′

19.

เจดอน ซานโต

14.

เจา เฟลิกซ์

18.

คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู

78′

ผู้จัดการทีม

เอนโซ มาเรสก้า

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก

สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์
วันที่ 27 ตุลาคม 2567
กรรมการ ไซม่อน ฮูเปอร์

เชลซี
2
1
นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด

1-0 แจ๊คสัน 18’2-1 พัลเมอร์ 47′
1-1 อิซาค 32′

เชลซี โรเตชั่นกลับมาจัดชุดเดมอีกครั้งโดย เจมส์ คืนตัวจริงเช่นเดียวกับ พัลเมอร์, ลาเวีย, มาดูเอเก้ และ แจ๊คสัน แต่ปีกซ้ายกลายเป็น เนโต้ ได้รับโอกาสแทน ซานโช่

ส่วน นิวคาสเซิ่ล ไม่มี กอร์ดอน เพราะอาการเจ็บเลยต้องเป็น บาร์นส กับ อัลมิรอน ลงมายืนริมเส้นแต่นอกนั้นเหมือนเดิม

4′

สิงห์ทักทายดุ! พัลเมอร์ ทะลุไปยิงเข้าแต่ล้ำหน้า
เริ่มเกมมา เชลซี ส่งบอลเข้าประตูไปแล้วแต่ยังไม่นำเมื่อ แจ๊คสัน แทงให้กับ พัลเมอร์ ทะลุเข้าเขตโทษยิงเรียดส่งบอลเข้าเสาไกลนิ่มๆ แต่สุดท้าย VAR ย้อนกลับมาจับล้ำหน้า พัลเมอร์ เหลื่อมไปนิดเดียว

9′

สาลิกาลองบ้าง กีมาไรส์ ยิงแฉลบโดนรับไว้
นิวคาสเซิ่ล ได้จังหวะโต้กลับหลัง โชเอลินตอน ดักบอลได้จิ้มขึ้นหน้าให้ บาร์นส ตามไปเก็บก่อนจ่ายย้อนให้ กีมาไรส์ หน้าเขตโทษจบด้วยการยิงไกลแฉลบไปโดน ซานเชซ รับ

16′

สาลิกาถามหาจุดโทษแต่ไม่ได้
จากนั้นมีจังหวะที่ นิวคาสเซิ่ล ถามหาจุดโทษหลัง อิซาค พักบอลหน้าเขตโทษแล้วไหลให้ กีมาไรส์ เติมขึ้นมากำลังจะเข้าเขตโทษแต่โดน โคลวิลล์ แหย่ล้มลงไป จากภาพช้าเป็นฟาวล์จริงแต่เกิดขึ้นก่อนเข้าเขตโทษกระนั้นเปาก็ไม่ได้แจกให้

18′

พัลเมอร์ จ่ายโหด! เนโต้ ปาด แจ๊คสัน จบสิงห์นำ
แล้วพอ เชลซี กลับมาลุ้นใหม่ก็เอาประตูออกนำสำเร็จ เป็นการโต้กลับเริ่มด้วย พัลเมอร์ หน้าเขตโทษตัวเองตวัดจ่ายขึ้นซ้าย เนโต้ สอดขึ้นมาสวยแล้วแตะหนี แชร์ ที่สไลด์มาหลุดเข้าเขตโทษก่อนปาดเข้ากลางให้ แจ๊คสัน ว่างๆยิงเข้าไป เชลซี นำ 1-0

23′

สิงห์ลุยต่อ! เนโต้ ซัดนอกกรอบตรงตัว
เชลซี หาโอกาสกันต่อในจังหวะ กุสโต้ ฝากไปที่ แจ๊คสัน แล้วจะเข้าไปรับบอลคืนในเขตโทษโดนดักไว้แต่บอลเด้งเข้าทาง เนโต้ ตัดสินใจซัดจากนอกกรอบตรงตัว

27′

สาลิกาลุ้นบ้าง อัลมิรอน ยิงไปโดนเซฟ
มีช่วงให้ สาลิกาดง ได้ลุ้นกันบ้างหลังจาก ฮอลล์ วางยาวขึ้นหน้า อิซาค เกี่ยวลงได้พาเข้าเขตโทษหักมาตรงกลาง บาร์นส ยิงติดบล็อก โตนาลี ซ้ำอีกทีก็โดนบล็อกตามด้วย อัลมิรอน ได้บอลมาขยับเข้าซ้ายยิงไปโดนรับ

32′

ขอคืน! ฮอลล์ เติมมาเปิด อิซาค ชาร์จจ่อๆตีเสมอ
แล้วพอ นิวคาสเซิ่ล หาโอกาสได้อีกก็ทำประตูตีเสมอเข้าให้ เริ่มจาก ลิฟวราเมนโต้ ตรงกลางทำชิ่งขึ้นไปก่อนฝาก บาร์นส ทางซ้ายพักบอลแล้วจ่ายต่อ ฮอลล์ สอดจากด้านหลังเข้าเขตโทษเปิดไปหน้าประตูให้ อิซาค ชาร์จจ่อๆไม่เหลือ

VAR เช็คล้ำหน้าสองจังหวะแต่สุดท้ายยังเป็นประตู นิวคาสเซิ่ล ตามเจ๊า 1-1

36′

ไคเซโด้ ได้ส่องไกลยังออกหลัง
เชลซี ลุยกันใหม่ได้โอกาสจากการเพรสซิ่ง ไคเซโด้ จิ้มบอลได้ก่อนถึง กีมาไรส์ เด้งไปหา แจ๊คสัน เลือกไหลคืนให้ ไคเซโด้ วิ่งมาซัดหน้าเขตโทษแต่พุ่งออกหลัง

41′

เนโต้ เลี้ยงตัดเข้าในได้สับไกติดแฉลบ โป๊ป ปัดทิ้ง
เข้าท้ายครึ่งแรกกลับมาเป็น สิงห์บลูส์ ลุ้นกันอีกครั้งด้วยการตักบอลออกไปริมเส้นขวา เนโต้ ขยับมารอฝั่งนี้แล้วเลี้ยงตัดเข้ามาหน้าเขตโทษสับไกติดแฉลบแต่ โป๊ป ปัดออกหลังไปได้

HALF TIME

47′

เขาอีกแล้ว! สิงห์โต้กลับ พัลเมอร์ ลุยมายิงเองไม่เหลือ
กลับมาครึ่งหลังไม่ทันไร เชลซี ก็ออกนำได้อีกครั้งกับจังหวะแย่งบอลกลางสนาม ลาเวีย จิ้มเข้าทาง พัลเมอร์ เลยติดเครื่องพาบอลขึ้นไปไม่มีใครมาเบรคจนได้เข้าเขตโทษก่อนยิงใส่เสาแรก โป๊ป ปัดไม่ได้บอลเข้าประตู เชลซี นำ 2-1

50′

เกือบสาม! มาดูเอเก้ เปิดให้ เนโต้ โหม่งชนเสา
เกือบจะมีประตูเพิ่มให้ เชลซี อีกต่างหากเมื่อแย่งลูกทุ่มทางขวากลับมา มาดูเอเก้ ทางขวากระชากหนี ฮอลล์ ไปได้แล้วเปิดไปเสาไกล เนโต้ เบียดโหม่งได้แต่บอลชนเสา

58′

สาลิกาเกือบได้ลุ้น อิซาค เปิดไปไม่ถึงเพื่อนโดนดักทัน
นิวคาสเซิ่ล มีจังหวะมาน่ากลัวเหมือนกันเมื่อโยนข้ามมาซ้ายให้ อิซาค เอาบอลลงฝากไปที่ บาร์นส ก่อนจะแทงคืน อิซาค ไปสุดเส้นหลังตักไปหน้าประตูแต่ เจมส์ โหม่งทิ้งไปทัน อัลมิรอน ด้านหลังมารอชาร์จจ่อๆแล้ว

67′

สาลิกาได้ฟรีคิก แชร์ ปั่นข้ามคาน
นิวคาสเซิ่ล ได้ฟรีคิกหน้าเขตโทษเยื้องทางซ้ายนิดนึงระยะประมาณ 25 หลายืนกันสามคนสุดท้าย แชร์ เป็นคนจัดการเลือกปั่นไปมุมไกลแต่ยังข้ามคาน

70′

เจมส์ ช่วยทัน! อิซาค โหม่งได้เจอสกัดหน้าประตู
เป็นทาง สาลิกาดง หวิดจะได้ประตูตีเสมอเมื่อ อิซาค จ่ายออกซ้าย โชเอลินตอน ได้บอลมาส่งต่อ วิลล็อค สอดเข้าเขตโทษก่อนตักไปตรงกลาง อิซาค โหม่งไปเสาไกลแต่โดน เจมส์ มาบล็อกทันหน้าประตู

75′

ไม่ยอมจ่าย!! อิซาค หลุดมาหลบ ซานเชซ แต่ไม่ได้จบ
ช่วงนี้ นิวคาสเซิ่ล มาแต่ละทีมีลุ้นกว่าและเกือบจะตีเสมออีกแล้ว หลังแนวรับสาดขึ้นหน้า อิซาค วิ่งแข่งกับกองหลังมาแล้ว โฟฟาน่า ล้มไปทำให้ อิซาค ทางสะดวกเข้าเขตโทษหนี ซานเชซ ไปสุดเส้นหลังเพื่อนมารอตรงกลางแต่ อิซาค ไม่ยอมจ่ายจะขยับหาช่องยิงเองสุดท้ายโดนจิ้มออกหลัง

82′

ไม่ฝัง! สิงห์สวนกลับ มูดรีค ยิงติดเซฟ
ท้ายเกม เชลซี ที่เงียบไปช่วงที่ผ่านมาได้บุกกลับเกือบฝังเมื่อ เอ็นคุนคู ลากบอลมาแล้วฝาก พัลเมอร์ ใกล้ๆก่อนจะจ่ายเข้ากลางเขตโทษ มูดรีค จับแล้วมีเวลาเลือกซัดแต่ตรงเซฟ โป๊ป

90+2′

เปาเปลี่ยนคำตัดสิน สิงห์ไม่ได้จุดโทษ
ก่อนหมดเวลา เชลซี เกือบได้จุดโทษแล้วจากจังหวะที่ พัลเมอร์ ดีดต่อส่ง เอ็นคุนคู เข้าเขตโทษแล้วล็อกหลบก่อนโดน เบิร์น ดึงล้มไปกรรมการเป่าให้

กระนั้น VAR ส่งสัญญาณกรรมการไปดูภาพช้าข้างสนามน่าจะเห็นว่า เบิร์น ไม่ได้ดึงอะไรมากเกินไปทำให้เปาเปลี่ยนคำตัดสินไม่แจกจุดโทษ

จบเกม เชลซี เอาชนะ นิวคาสเซิ่ล ไปได้ 2-1 ทำให้พวกเขากลับมาคว้าชัยในลีกอีกครั้งหลังสะดุดเสมอกับแพ้ไปใน 2 นัดที่ผ่านมา สามแต้มยังช่วยให้พวกเขาขยับขึ้นไปอยู่อันดับ 4 ชั่วคราวด้วย

ขณะที่ นิวคาสเซิ่ล ไร้ชัยในลีกตลอด 5 นัดหลังสุดพร้อมหล่นมาอยู่ในอันดับ 12

นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด
Starting Formation: 4-3-3

22.

นิค โป๊ป

33.

แดน เบิร์น

5.

ฟาเบียน แชร์

20.

ลูวิส ฮอลล์

89′

21.

ติโน่ ลิฟวราเมนโต้

39.

บรูโน่ กีมาไรส์

8.

ซานโดร โตนาลี

68′

7.

โชเอลินตอน

89′

11.

ฮาร์วี่ย์ บาร์นส

68′

24.

มิเกล อัลมิรอน

68′

14.

อเล็กซานเดอร์ อิซาค

ตัวสำรอง

19.

โอดิสเซียส วลาโชดิมอส

26.

จอห์น รัดดี้

25.

ลอยด์ เคลลี่

89′

17.

เอมิล คราฟธ์

36.

ฌอน ลองสตาฟฟ์

68′

67.

ลูวิส ไมลี่ย์

28.

โจ วิลล็อค

68′

23.

เจค็อบ เมอร์ฟี่

68′

18.

วิลเลียม โอซูล่า

89′

ผู้จัดการทีม

เอ็ดดี้ ฮาว