อคานยียิงพลาด!! ‘สิงโต’ แม่นกว่าดวลเป้าเบียด ‘สวิส’ ลิ่วตัดเชือก


เป็นอีกเกมที่ต้องยืดยาวจนถึงการดวลจุดโทษให้หลังเงียบมาทั้งเกมจนกระทั่ง บรีล เอ็มโบโล่ จิ้มให้ สวิตเซอร์แลนด์ ออกนำก่อนแต่ อังกฤษ ก็กลับมาได้ไว บูคาโย่ ซาก้า ตามตีเสมอและจบ 120 นาทียังเจ๊ากันอยู่ ต้องดวลเป้าตัดสินและเป็น สิงโตคำราม แม่นกว่าชนะ 5-3 ทะลุเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ

อังกฤษ
Starting Formation: 3-4-2-1

1.

จอร์แดน พิคฟอร์ด

5.

จอห์น สโตนส์

14.

เอซร คอนซ่า

78′

2.

ไคล์ วอล์คเกอร์

7.

บูคาโย่ ซาก้า

12.

คีแรน ทริปเปียร์

78′

4.

เดแคลน ไรซ์

26.

ค็อบบี้ ไมนู

78′

11.

ฟิล โฟเดน

115′

10.

จู๊ด เบลลิงแฮม

9.

แฮร์รี่ เคน

109′

ตัวสำรอง

13.

อารอน แรมส์เดล

23.

ดีน เฮนเดอร์สัน

3.

ลุค ชอว์

78′

8.

เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์

115′

15.

ลูวิส ดังค์

16.

คอนเนอร์ กัลลาเกอร์

17.

ไอแวน โทนี่ย์

109′

18.

แอนโธนี่ กอร์ดอน

19.

โอลลี่ วัตกินส์

20.

จาร์ร็อด โบเว่น

21.

เอเบเรชี่ เอเซ่

78′

22.

โจ โกเมซ

24.

โคล พัลเมอร์

78′

25.

อดัม วอร์ตัน

ผู้จัดการทีม

แกเร็ธ เซาธ์เกต

ฟุตบอลยูโร 2024 รอบก่อนรองชนะเลิศ

สนาม ดุสเซลดอร์ฟ อารีน่า
วันที่ 6 กรกฎาคม 2567
กรรมการ ดานิเอเล่ ออร์ซาโต้

EX. อังกฤษ
1
1
สวิตเซอร์แลนด์

จบการต่อเวลาพิเศษเสมอ 1-1 อังกฤษ เอาชนะในการดวลจุดโทษ 5-3
1-1 ซาก้า 80′
0-1 เอ็มโบโล่ 75′

อังกฤษ ตามที่ข่าวหลุดทุกอย่างปรับมาใช้เซ็นเตอร์แบ็ค 3 คนด้วยการให้ คอนซ่า ลงตัวจริงและขยับ ซาก้า มายืนวิงแบ็คขวาส่วน จู๊ด กับ โฟเดน เล่นหน้าต่ำร่วมกัน

ขณะที่ สวิตเซอร์แลนด์ ไม่ได้ปรับเปลี่ยนไลน์อัพจากเกมนัดก่อนเลยยังให้ รีเดอร์ ลงตัวจริงทางด้านริมเส้นขวาและ เอ็มโบโล่ ค้ำหน้า

10′

ช่วงแรกยังไม่มีโอกาสแต่วูบวาบอยู่บ้าง
เริ่มเกมมายังไม่มีโอกาสลุ้นเกิดขึ้น แต่ก็เป็นจังหวะวูบวาบของ สวิส กันบ้างแล้ว ส่วนทางด้าน อังกฤษ ก็มีช่วงให้ขึ้นไปกดดันเหมือนกัน

14′

สิงโตได้จบก่อน ไรซ์ ยิงไกลติดบล็อก
โอกาสหนแรกเป็นของ อังกฤษ หลังจาก ซาก้า หนีตัวประกบแล้วครอสเข้าเขตโทษแต่บอลโดนโหม่งออกมาหน้าเขตโทษให้กับ ไรซ์ จับบอลก่อนจะซัดไปติดบล็อก

22′

เตะมุมสิงโตจบด้วย เคน โหม่งออกหลั
อังกฤษ มาได้เตะมุมจากทางขวา ทริปเปียร์ รับหน้าที่เปิดเข้ามาลึกถึงทางเสาไกลแล้ว เคน ขึ้นโหม่งได้แต่ก็ส่งบอลลอยออกหลัง

25′

สวิสขอลองบ้าง เอ็มโบโล่ ยิงติดบล็อก
สวิส มีโอกาสจบบ้างแล้วเมื่อ รีเดอร์ จ่ายให้กับ เอ็มโบโล่ ในเขตโทษพักบอลไว้แล้วพยายามขยับหาช่องยิงแต่ก็ยิงติดบล็อก คอนซ่า

36′

ยังไม่มีโอกาสหวาดเสียวเพิ่มเติม
เกมล่วงเลยมาถึงช่วงท้ายครึ่งแรกยังไม่มีอะไรคืบหน้ามากนัก อังกฤษ ทำเกมบุกไม่ค่อยจะขึ้นแล้วและทาง สวิส ก็ไม่เร่งอะไรเน้นเคาะบอลเจาะหาช่องโอกาสหวาดเสียวเลยไม่มเพิ่ม

43′

สิโตพอหวาดเสียว ซาก้า หักให้ ไมนู ยิงติดบล็อก
อังกฤษ พอได้หวาดเสียวเมื่อ ซาก้า ทางขวาพลิกหนีตัวประกบลุยเข้าเขตโทษมาได้แล้วหักมาเสาแรกให้กับ ไมนู วิ่งมายิงแต่โดนบล็อกไว้ก่อน

HALF TIME

51′

โอกาสตรงกรอบหนแรก! เอ็มโบโล่ กลับตัวยิงโดนรับ
กลับมาครึ่งหลังช่วงแรก สวิส ได้ครองบอลแล้วหาโอกาสจบได้จากการจ่ายให้ ฟรอยเลอร์ วิ่งสอดมาหน้าเขตโทษจ่ายต่อ เอ็มโบโล่ โฉบมารับบอลแล้วกลับตัวยิงแต่ตรงตัว พิคฟอร์ด

57′

สวิสมาอีก เอ็มโบโล่ โหม่งไม่เต็มหัวโดนรับไว้
โอกาสนี้ของ สวิส ได้ลุ้นมากขึ้นเมื่อถ่ายบอลออกซ้ายให้ โรดริเกวซ มารับบอลก่อนตั้งป้อมครอสเข้าเขตโทษแล้ว เอ็มโบโล่ เบียดกับ คอนซ่า แต่โหม่งได้ไม่เต็มหัวนักก็เลยโดนรับง่ายๆ

64′

สวิสขยับเปลี่ยนตัวก่อน ซูเบอร์,วิดเมอร์ ลงสนาม
กลายเป็น สวิส ที่ขยับเปลี่ยนตัวก่อนด้วยการถอดเอา วาร์กัส กับ รีเดอร์ ออกแล้วให้ ซูเบอร์ ลงมาช่วยในแนวรุกและ วิดเมอร์ มายืนวิงแบ็ค

66′

บอลโหม่งเข้าทาง แอบิเชอร์ ยิงออกหลัง
โอกาสจบของ สวิส มาอีกแล้วหลังบอลลอยในเขตโทษ อังกฤษ พยายามโหม่งสกัดแต่เข้าทาง แอบิเชอร์ ยิงสวนยังส่งบอลหลุดกรอบพอสมควร

75′

ประตูมาแล้ว! ลูกครอสถึง เอ็มโบโล่ จิ้มสวิสนำ
แล้วหลังจากเป็นบอลของ สวิส แบบต่อเนื่องพวกเขาก็เอาประตูนำสำเร็จ หลังถ่ายบอลมาทางขวา แชร์ ดันมารับบอลมองหาเพื่อนแล้วจ่ายให้ เอ็นดอย ในเขตโทษโฉบมารับบอลแล้วตวัดเข้ากลาง สโตนส์ สะกิดบอลไม่ดีหลุดถึ เอ็มโบโล่ ด้านหลังจิ้มจ่อๆเข้าไป สวิส ออกนำ 1-0

80′

สิงโตตื่น! ซาก้า ตัดมาหน้าเขตโทษซัดชนเสาไกลเข้าตีเจ๊า
แล้วหลังจากโดนนำไป อังกฤษ เริ่มตื่นแล้วก็มาหาประตูตเสมอเรียบร้อย หลังถ่ายบอลมาทางขวาให้ ซาก้า สบช่องเลี้ยงตัดมาหน้าเขตโทษแล้วสับไกเอเลยส่งบอลชนเสาไกลเข้า อังกฤษ กลับมารวดเร็วตีเสมอ 1-1

88′

สิงโตลุย เอเซ่ ยิงออกเสาแรก
ช่วงท้าย อังกฤษ ได้ครองบอลกดดันแล้วมีจังหวะที่เปลี่ยนแกนให้ เอเซ่ ทางซ้ายแล้ว ชอว์ เติมมาดึงตัวประกบเปิดช่องให้ เอเซ่ โยกเข้าขวาก่อนยิงออกเสาแรก

90+3′

สวิสบุกชุดสุดท้ายแต่ไม่ดีพอต้องต่อเวลาพิเศษ
ทดเจ็บ สวิส ทำเสียวเลยหลัจาก แชร์ ดันมาเกือบมุมธงทางขวาแล้วครอสเข้าไปในเขตโทษ สวิส โถมกันมาเพียบแต่ เอ็มโบโล่ โหม่งได้ไม่ดีหลุดหา ซูเบอร์ แต่งบอลด้วยหัวแล้วซัดแต่ส่งบอลโด่งไปไกล ทำให้จบ 90 นาทีทั้งสองทีมเสมอ 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษอีกคู่

95′

ได้ลุ้น! ไรซ์ ส่องไกลเจอปัดหลุดเสา
เข้าช่วงต่อเวลาพิเศษ อังกฤษ ได้ลุ้นเกือบออกนำกับจังหวะที่ลูกครอสโดนโหม่งสกัดออกมาแล้วเข้าทา ไรซ์ เลยตั้งป้อมยิงไกลส่งบอลไปเสาสองแต่ ซอมเมอร์ ปัดไปได้

102′

สิงโตได้จบอีก จู๊ด ยิงเบาไปโดนรับไว้
สิงโตคำราม ได้จังหวะจบอีกเมื่อ ชาก้า ตักไปตรงกลางยังโดนดักเอาไว้แต่เข้าทาง เบลลิงแฮม ล็อกยิงทีแรกติดบล็อกบอลไม่ไปไหนล็อกเข้าซ้ายแล้วขอยิงอีกทีแต่เบาโดนรับได้

113′

สวิสได้จบบ้างบอลหลุดถึง แชร์ ยิงพุ่งข้ามคาน
เป็นช่วงที่ สวิส ได้ลุ้นบ้างหลังจากลูกเปิดริมเส้นซ้ายหลุดมาทางขวาถึ แชร์ เลือกที่จะขอสับไกเองแต่ก็ส่งบอลพุ่งข้ามคานไปอีก

117′

เกือบได้!! ชากิรี่ เตะมุมเปิดไปชนสามเหลี่ยม
หวิดจะมีประตูให้กับ สวิส เข้าแล้วกับเตะมุมทางขวา ชากิรี่ เป็นผู้รับหน้าที่จัดการเปิดมาทางเสาแรกแล้วลอยมาชนสามเหลี่ยมอย่างจังขยับมาอีกนิดเดียวตุงตาข่ายแล้ว

119′

สวิสมาอีกเฮือกยังไม่ได้ประตู
โอกาสทิ้งท้าย สวิส ได้ลุ้นอีกหลังขึ้นเกมทางซ้ายแล้ว อัมดูนี่ รับบอลหน้าเขตโทษได้ยิงไปโดนเซฟ จังหวะสองยังเก็บได้ครอสเข้าไปใหม่จบที่ วิดเมอร์ ตัวไกลสุดพยายามทิ้งตัวยิงแต่ก็โด่งออกหลัง

ช่วงที่เหลือไม่มีอะไรเพิ่มจบการต่อเวลาพิเศษทั้งสองทีมเสมอกัน 1-1 ต้องมาดวลจุดโทษตัดสินโดยที่ อังกฤษ เป็นฝ่ายยิงก่อน

พัลเมอร์ – เข้า
อคานยี – ไม่เข้า

เบลลิงแฮม – เข้า
แชร์ – เข้า

ซาก้า – เข้า
ชากิรี่ – เข้า

โทนี่ย์ – เข้า
อัมดูนี่ – เข้า

อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ – เข้า

สวิตเซอร์แลนด์
Starting Formation: 3-4-3

1.

ยานน์ ซอมเมอร์

5.

มานูเอล อคานยี

12.

ริคาร์โด้ โรดริเกวซ

22.

ฟาเบียน แชร์

20.

มิเชล แอบิเชอร์

118′

26.

ฟาเบียน รีเดอร์

63′

10.

กรานิท ชาก้า

8.

เรโม่ ฟรอยเลอร์

118′

17.

รูเบน วาร์กัส

64′

19.

ดาน เอ็นดอย

98′

7.

บรีล เอ็มโบโล่

109′

ตัวสำรอง

12.

อีฟง เอ็มโวโก้

21.

เกรกอร์ โคเบิล

2.

เลโอไนดาส สเตอร์จิอู

3.

ซิลวาน วิดเมอร์

64′

4.

นิโก้ เอลเวดี้

6.

เดนิส ซาคาเรีย

98′

9.

โนอาห์ โอคาฟอร์

11.

เรนาโต้ สเตฟเฟ่น

14.

สตีเฟ่น ซูเบอร์

63′

15.

เซดริก เซซิเกอร์

16.

วินเซนต์ เซียร์โร่

118′

18.

ควาดโว่ ดูอาห์

23.

เซอร์ดาน ชากิรี่

109′

24.

อาร์ดอน จาชารี่

25.

เซกี้ อัมดูนี่

118′

ผู้จัดการทีม

มูรัท ยาคิน