อกหักซ้ำซ้อน! ‘สิงโตไม่ถึงฝั่ง’ กระทิงซัดน.86 เจ้ายุโรปสมัย 4


สิงโตคำราม อังกฤษ ต้องอกหักไปไม่ถึงตำแหน่งแชมป์อีกครั้ง เมื่อพลาดท่าปราชัยให้กับ กระทิงดุ สเปน 2-1 ในเกมที่พวกเขาไล่ตามตีเสมอ 1-1 ได้แล้วจาก โคล พาลเมอร์ นาที 73 แต่สเปนมาได้ประตูชัยจากตัวสำรอง มิเกล โอยาร์ซาบัล นาที 86 ส่งทัพกระทิงดุเถลิงแชมป์ยุโรปเป็นสมัยที่ 4

สเปน
Starting Formation: 4-2-3-1

23.

อูไน ซิมอน

6

14.

อายเมริค ลาปอร์ต

6.5

3.

โรบิน เลอ นอร์มองด์

83′

6.5

24.

มาร์ค คูคูเรญ่า

7

2.

ดานี่ คาร์บาฆาล

6.5

10.

ดานี่ โอลโม่

7

8.

ฟาเบียน รุยซ์

7

16.

โรดรี้

46′

6.5

7.

อัลบาโร่ โมราต้า

68′

6

17.

นิโก้ วิลเลียมส์

7.5

19.

ลามีน ยามาล

89′

7.5

ตัวสำรอง

25.

เฟร์มิน โลเปซ

22.

เฆซุส นาบาส

18.

มาร์ติน ซูบิเมนดี้

46′

7

5.

ดาเนี่ยล วิเวียน

1.

ดาบิด ราย่า

11.

เฟร์ราน ตอร์เรส

6.

มิเคล เมริโน่

89′

6

12.

อเลฆานโดร กริมัลโด้

4.

นาโช่

83′

6

15.

อเล็กซ์ บาเอน่า

21.

มิเกล โอยาร์ซาบัล

68′

7

9.

โฆเซลู

13.

อเล็กซ์ เรมิโร่

ผู้จัดการทีม

หลุยส์ เด ลา ฟูเอนเต้

ยูโร 2024 รอบชิงชนะเลิศ

สนาม โอลิมปิกสตาดิโอน เบอร์ลิน
วันอาทิตย์ที่ 14 กรกฏาคม 2567
กรรมการ ฟรองซัวส์ เลเตซิเยร์

สเปน
2
1
อังกฤษ

1-0 วิลเลียมส์ 47’2-1 โอยาร์ซาบัล 86′
1-1 พาลเมอร์ 73′

กระทิงดุ สเปน ลงสนามลุ้นสร้างสถิติเป็นแชมป์ยูโรมากสุดที่ 4 สมัย ส่วนทัพ สิงโตคำราม อังกฤษ ลุ้นเป็นแชมป์สมัยแรก ในเกมที่ทั้งคู่สูสีกันมาก ต่างเคยขยับขึ้นมาเป็นเต็ง 1 ในทัวร์นาเมนต์นี้

สเปน จัดทีมชุดเก่งได้ โรบิน เลอ นอร์มองด์ และ ดานี่ คาร์บาฆาล กลับมาเป็นตัวจริง ขณะที่ฝั่งอังกฤษยังยึดเล่นหลัง 3 ตัว แต่ในตำแหน่งแบ็กซ้ายพวกเขาส่ง ลุค ชอว์ เป็นตัวจริงก่อน คีแรน ทริปเปียร์

12′

สโตนส์ตามบล็อควิลเลี่ยมส์เฉียดฉิว
สเปน เซ็ตเกมสวนจังหวะนี้ บอลถึงนิโก้ วิลเลียมส์ ทางซ้าย สลับข้างหลอกกระชากหนีสโตนส์ที่ตามมาสไลด์สกัดบอลออกหลังได้ทัน

23′

โฟเด้นพลาดยังดีไม่โดนลงโทษ
โฟเด้น จ่ายบอลพลาดไปให้โอลโม่ ที่แทงบอลออกขวาให้ ยามาล ได้ลุ้นจังหวะสุดท้ายแต่ไปติดบล็อคเกฮีซะก่อน

30′

ทั้งสองทีมยังดูระวังตัวกันอยู่มาก
ผ่านครึ่งชั่วโมง เกมยังดูเกร็งๆกันอยู่ เกมรุกระวังตัวกันมาก โอกาสลุ้นแทบไม่มีให้เห็น

40′

สเปนทำได้ดีกว่า แต่ยังได้ลุ้นน้อยอยู่
เข้าช่วงท้ายครึ่ง สเปนเดินเกมเพรสกดดันมากขึ้นครองบอลดีกว่านิดๆ แต่ก็ทำอะไรอังกฤษ ไม่ได้มากนัก

45′

เคนได้ง้างไกยิงติดเซฟโรดรี้
อังกฤษได้ลุ้นเล็กๆ จากโอกาสของจู๊ดหลุดทางซ้ายได้จ่ายบอลตัดเข้ากลางให้ เคน ง้างไกยิง ติดบล็อคโรดรี้นิดเดียว

45+1′

สิงโตอีกครั้ง โฟเด้นวอลเล่ย์เน้นๆติดเซฟ
โอกาสจะแจ้งของอังกฤษ จากฟรีคิกทางขวา ลูกเลยไปเข้าทางปืน โฟเด้น ทิ้งตัววอลเล่ย์ มุมมันแคบไป ซิมอนส์ ไม่พลาดคุมเสาเซฟลูกนี้ได้ไม่มีปัญหา

HALF TIME

46′

โรดรี้เจ็บต้องให้ซูบิเมนดี้เล่นแทน
ครึ่งหลังสเปนขยับก่อนส่งซูบิเมนดี้ลงเล่นแทนโรดรี้ ที่เจ็บจากจังหวะปะทะกับลาปอร์ต

47′

สเปนปลดล็อคเกมยิงนำ 1-0
อ้าว แปปเดียวสเปนมาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากยามาล พาบอลเลี้ยงตัดในก่อนไหลออกซ้ายให้ วิลเลี่ยมส์ซัดผ่านมือพิคฟอร์ดเข้าประตูไป

49′

โอลเกือบบวกสกอร์ที่ 2
สเปนมีโอกาสบวกสกอร์ที่ 2 จากโอลโม่ ที่ได้ซัดไม่กี่หลาหักข้อมากไป บอลถากเสาไกลออกหลังนิดเดียว

55′

โมราต้าชนะไลน์รับยิงหลุดเสานิดเดียว
สเปนมีลุ้นอีกครั้งจากยามาลแทงบอลให้โมราต้าหลุดเข้าไปยิงหนีมือพิคฟอร์ดได้แล้ว แต่บอลมันไม่ตรงกรอบ

56′

วิลเลี่ยมส์ลองยิงไกลได้ลุ้น
สเปนมาดุมาก จังหวะนี้วิลเลี่ยมส์ ลองยิงไกลถากเสาออกหลังไปนิดเดียว

61′

สิงโตเปลี่ยนวัตกิ้นส์แทนเคน
เวาธ์เกตแก้เกมทันทีถอดเอาเคนออกส่งวัตกิ้นส์ฮีโร่จากเกมที่แล้วลงสนาม

64′

จู๊ดยิงไกลบอลพุ่งหลุดเสานิดเดียว
อังกฤษได้ลุ้นจากเบลลิ่งแฮมยิงไกลเต็มข้อ บอลพุ่งแรงแต่ถากเสาออกหลังนิดเดียว

66′

พิคฟอร์ดซูเปอร์เซฟลูกยิงยามาล
ยามาล ได้โต้กลับมีโอกาวง้างไกยิงด้วยซ้าย แต่พิคฟอร์ดยอดเยี่ยมกว่า พุ่งตามไปปัดได้ทัน เป็นซูเปอร์เซฟของมือกาวสิงโตคำราม

70′

สิงโตส่งพาลเมอร์ทำเกมรุกอีกคน
อังกฤษหงายไพ่ใบต่อไปแก้เกมส่งพาลเมอร์ทำเกมรุกแทนเมนู

73′

พาลเมอร์ซูเปอร์ซับยิงตีเสมอ 1-1
พาลเมอร์ลงสนามแปปเดียวเป็นซูเปอร์ซับยิงไกลหน้าเขตโทษ ปั่นเรียดเบียดเสาไกลตุงตาข่ายตีเสมอให้อังกฤษสำเร็จ 1-1 แล้ว

82′

พิคฟอร์ดซูเปอร์เซฟลูกยิงยามาลอีกแล้ว
สเปนมีโอกาสทองอีกครั้งจากยามาล ซัดด้วยซ้ายจ่อๆ แต่พิคฟอร์ดยอดเยี่ยมกว่า พุ่งตามไปปัดทันเหลือเชื่อ

86′

สเปนไม่ยอมยิงนำอีกรอบจากโอยาร์ซาบัล 2-1
สเปนมาได้ประตูกลับขึ้นนำอีกครั้ง จากคูคูเรญ่า จ่ายให้โอยาร์ซาบัลชาร์๗จ่อๆ เข้าประตูไป

VAR ยืนยัน โอยาร์ซาบัลไม่ล้ำหน้าด้วย

90′

โอลโม่เซฟบนเส้นสเปนยังไม่โดน
สเปนรอดเหลือเชื่อจากไรซ์โขกเน้นๆไปโดนซิมอนส์เซฟมาเข้าทาง เกฮี โหม่งสอนจ่อๆ ไม่ผ่าน โอลโม่ ที่ยืนคุมเส้นโหม่งเซฟทีมได้แบบหวุดหวิด

ทดเจ็บ 4 นาที สเปนไม่พลาดเข้าป้ายเอาชนะอังกฤษ 2-1 คว้าแชมป์สมัยที่ 4 ไปครอง

อังกฤษ
Starting Formation: 3-4-3

1.

จอร์แดน พิคฟอร์ด

7

5.

จอห์น สโตนส์

6.5

6.

มาร์ค เกฮี

6.5

2.

ไคล์ วอล์คเกอร์

6.5

4.

เดแคลน ไรซ์

6.5

26.

ค็อบบี้ เมนู

70′

6

3.

ลุค ชอว์

6.5

7.

บูคาโย่ ซาก้า

6

9.

แฮร์รี่ เคน

61′

6

10.

จุ๊ด เบลลิ่งแฮม

8

11.

ฟิล โฟเด้น

89′

6.5

ตัวสำรอง

19.

โอลลี่ วัตกิ้นส์

61′

6

20.

จาร์รอด โบเว่น

17.

ไอแวน โทนี่ย์

89′

6

8.

เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์

16.

คอเนอร์ กัลลาเกอร์

14.

เอซรี่ คอนซ่า

22.

โจ โกเมซ

15.

ลูอิส ดังค์

24.

โคล พาลเมอร์

70′

7.5

18.

แอนโธนี่ กอร์ดอน

21.

เอเบเรชี่ เอเซ่

12.

คีแรน ทริปเปียร์

25.

อดัม วอร์ตัน

13.

อารอน แรมส์เดล

23.

ดีน เฮนเดอร์สัน

ผู้จัดการทีม

แกเร็ธ เซาธ์เกต